แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 บัญญัติเรื่องการปิดหมายไว้ว่า ให้ปิดคำคู่ความไว้ในที่แลเห็นได้ง่ายณ สำนักทำการงานของคู่ความนั้น การที่โจทก์ระบุที่อยู่ของจำเลยอย่างกว้าง ๆ ทั้งที่สำนักทำการงานของจำเลยมีหน่วยงานในสังกัดหลายหน่วยงานกับมีพนักงานจำนวนมากจนพนักงานเดินหมายไม่สามารถ สืบหาได้ว่าจำเลยทำงาน ณ หน่วยงานใดของการไฟฟ้านครหลวง เขตคลองเตย ทำให้จำเลยไม่มีโอกาสรู้ว่าถูกโจทก์ฟ้องและไม่อยู่ในวิสัยที่จำเลยจะรู้ได้ การส่งหมายเรียกและสำเนา คำฟ้องให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดหมายเช่นนี้จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ทำให้ กระบวนพิจารณาหลังจากนั้นต่อมาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหา เรื่องการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยไม่ชอบนั้น เป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมชอบที่จะต้องเพิกถอนเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คำสั่ง ศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยแล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดีต่อไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบค่าเช่าบ้าน จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยแบ่งค่าเช่าบ้านพิพาทครึ่งหนึ่งนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าจำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยมีทางชนะคดีโจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดโดยจงใจไม่มีเหตุขอให้พิจารณาใหม่ ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า การที่พนักงานเดินหมายของศาลไปปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ที่การไฟฟ้านครหลวงเขตคลองเตยเป็นการส่งหมายที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่าโจทก์ระบุที่อยู่ของจำเลยในคำฟ้องเป็นการไฟฟ้านครหลวงเขตคลองเตยโดยไม่ระบุว่าจำเลยทำงานอยู่ที่หน่วยงานใดของการไฟฟ้านครหลวงเขตคลองเตยเมื่อพนักงานเดินหมายไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยตามที่อยู่ในฟ้องไม่พบจำเลย ได้สอบถามพนักงานหญิงได้รับแจ้งว่าไม่รู้จักจำเลยเนื่องจากการไฟฟ้านครหลวงเขตคลองเตย มีพนักงานเป็นจำนวนมากพนักงานเดินหมายจึงปิดหมายไว้ ตามรายงานการเดินหมายลงวันที่ 3 ตุลาคม 2537 ในการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์กับการส่งคำบังคับตามรายงานการเดินหมายลงวันที่ 26 ธันวาคม 2537 กับวันที่ 16 พฤษภาคม 2538 พนักงานเดินหมายสอบถามแล้วก็ไม่มีใครรู้จักจำเลยจึงได้ปิดหมายไว้อีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งหลังสุดตามรายงานการเดินหมายลงวันที่ 16 มิถุนายน 2540 ระบุว่าพนักงานเดินหมายนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งแล้วไม่พบจำเลยเนื่องจากภูมิลำเนาของจำเลยไม่ได้ระบุว่าอยู่ในแผนก กอง หรือหน่วยงานใดในการไฟฟ้านครหลวงเขตคลองเตย พนักงานเดินหมายสอบถามเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในบริเวณการไฟฟ้านครหลวงเขตคลองเตยแล้วแต่ไม่มีผู้ใดทราบว่าจำเลยทำงานอยู่ ณ หน่วยงานใดจึงส่งหมายให้จำเลยไม่ได้และไม่สามารถทำการปิดหมายตามคำสั่งศาลได้ ซึ่งการปิดหมายนี้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 ก็ได้บัญญัติในเรื่องการปิดหมายไว้ว่า ให้ปิดคำคู่ความไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ สำนักทำการงานของคู่ความนั้นการที่โจทก์ระบุที่อยู่ของจำเลยอย่างกว้าง ๆ ทั้งที่สำนักทำการงานของจำเลยมีหน่วยงานในสังกัดหลายหน่วยงานกับมีพนักงานจำนวนมากจนพนักงานเดินหมายไม่สามารถสืบหาได้ว่าจำเลยทำงาน ณ หน่วยงานใดของการไฟฟ้านครหลวงเขตคลองเตย ทำให้จำเลยไม่มีโอกาสรู้ว่าถูกโจทก์ฟ้องและไม่อยู่ในวิสัยที่จำเลยจะรู้ได้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดหมายเช่นนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ทำให้กระบวนพิจารณา หลังจากนั้นต่อมาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยซึ่งการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยไม่ชอบนั้นเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมชอบที่จะต้องเพิกถอนเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยแล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่