แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ส.บิดาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงด้วยวิธีการหลอกลวงรับสมัครคนงานไปทำงานต่างประเทศและเรียกเก็บเงินค่าสมัคร การที่จำเลยเป็นคนแนะนำชักพาผู้เสียหายให้นำเงินไปมอบให้ ส.จึงเป็นการกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำผิด และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยกับพวกเป็นตัวแทนของบริษัท อ. รับสมัครประชาชนเพื่อจัดส่งไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้สมัครต้องชำระค่าสมัครให้แก่จำเลยกับพวก ความจริงจำเลยกับพวกมิได้เป็นตัวแทนของบริษัทใด ๆ และการหลอกลวงของจำเลยกับพวกได้มีประชาชนสมัครไปเข้าทำงานและเสียเงินค่าสมัครให้แก่จำเลยกับพวก โดยจำเลยกับพวกไม่จัดการพาไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียและไม่ยอมคืนเงิน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 83 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7, 27 และให้จำเลยใช้หรือคืนเงินแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้รวมพิจารณาคดีนี้เข้ากับคดีของศาลชั้นต้นที่โจทก์ฟ้องนายสุวรรณเป็นจำเลยในข้อหาเดียวกับจำเลยคดีนี้
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่านายสุวรรณกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุกนายสุวรรณให้นายสุวรรณใช้หรือคืนเงินแก่ผู้เสียหาย ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 83 ลงโทษจำคุกรวมสามกระทงหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า นายสุวรรณบิดาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกง การที่จำเลยเป็นคนแนะนำชักพาผู้เสียหายให้นำเงินไปมอบให้นายสุวรรณ จึงเป็นการกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำผิด เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 386
พิพากษายืน