แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยขอวางเงินต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยสามารถทำได้โดยไม่จำต้องได้รับอนุญาตจากศาลอุทธรณ์ส่วนการที่จำเลยขอให้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยในคำพิพากษาจากข้อเท็จจริงในสำนวนซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ได้ทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว เมื่อจำเลยยังมิได้วางเงินต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะต้อง ทำคำพิพากษาใหม่ ชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยเสียได้ จำเลยอายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีภรรยาและบุตรผู้เยาว์ 4 คน อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู และในระหว่าง การพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยได้บรรเทาผลเสียหายโดยวางเงิน จำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อชำระแก่โจทก์ไม่ปรากฏ ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรรอการลงโทษให้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 เดือน รวม 3 กระทง จำคุก 9 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ระหว่างศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นงดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยจำเลยจะนำเงินตามเช็คมาวางศาลชำระหนี้แก่โจทก์ ขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่เพื่อรอการลงโทษแก่จำเลย
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง และพิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าคำร้องของจำเลยยื่นในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เพราะคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้อ่าน ศาลอุทธรณ์จึงต้องรับคำร้องของจำเลยไว้พิจารณานั้นเห็นว่า การที่จำเลยขอวางเงินต่อศาลเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยสามารถทำได้โดยไม่จำต้องได้รับอนุญาตจากศาลอุทธรณ์ ส่วนที่จำเลยขอให้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษนั้น เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยในคำพิพากษาจากข้อเท็จจริงในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ได้ทำคำพิพากษาเสร็จไปแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏว่าจำเลยยังมิได้วางเงินต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะต้องทำคำพิพากษาใหม่ ชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยเสียได้
ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยอายุ 50 ปีแล้วมีอาชีพค้าขาย สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย มีภรรยาและบุตรผู้เยาว์ 4 คน อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู และในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยได้บรรเทาผลเสียหายโดยวางเงินจำนวน150,000 บาท ตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อชำระแก่โจทก์ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษให้
พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.