แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจหน้าที่สืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิด แกล้งกล่าวหา พ.และ ก.ว่ากระทำผิดอาญา ได้มีการ แจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอจับกุม พ. และ ก.ส่งพนักงานสอบสวน ถ้าไม่อยากให้จับกุม ต้องเอาเงินให้จำเลยทั้งสอง พ.และ ก.เกรงกลัวยอมมอบเงินให้ตามที่เรียกร้อง เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ตนได้ประโยชน์ ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพและชื่อเสียงของผู้ถูกขู่เข็ญ จึงเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดฐานกรรโชกด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘, ๓๓๗, ๘๓ และคืนเงินแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ กระทำผิดตามฟ้องเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา ๑๔๘ อันเป็นบทหนักให้จำเลยที่ ๑ คืนเงินแก่ผู้เสียหาย ฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ ให้ยก
จำเลยที่ ๑ และโจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ กระทำผิดตามฟ้องเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา ๑๔๘ อันเป็นบทหนัก ให้จำเลยที่ ๒ ร่วมกับจำเลยที่ ๑ คืนเงินแก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและนายทา วงศ์สาเนา มาพบนายไพศักดิ์ ทิพย์เสนา และนายกอง หารภูบาลผู้เสียหายแล้ว จำเลยที่ ๑ ได้แจ้งข้อหาแก่ผู้เสียหายว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรโคซึ่งเป็นความจริง จะขอจับกุม และว่านายทาเจ้าของโคแจ้งความแก่จำเลยที่ ๑ ไว้แล้วว่าโคของนายทาหายไปได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว แล้วตามมาพบโคที่บ้านผู้เสียหาย ถ้าจะไม่ให้จับกุม ต้องเอาเงินมาให้จำนวน ๕,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ว่าให้จ่ายค่าสมนาคุณให้จำเลยที่ ๑ ผู้เสียหายจึงหาเงินมาให้จำเลยทั้งสองตามที่เรียกร้องเพื่อมิให้ถูกจับกุม จำเลยที่ ๑ จึงใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายยอมมอบให้ซึ่งทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะจับกุมผู้เสียหายฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรอันไม่เป็นความจริง และผู้เสียหายเกรงกลัวยอมมอบทรัพย์ให้จำเลยที่ ๑ ตามที่เรียกร้อง จำเลยที่ ๑ จึงมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน