คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้พูดจาดูถูกจำเลยก่อนในลักษณะที่จำเลยเหมือนของเล่นได้แล้วจะเลิกเมื่อไรก็ได้ และเป็นหญิงใจง่ายหลอกกินเงินได้ เมื่อจำเลยโกรธและใช้รองเท้าตบหน้าผู้ตาย ผู้ตายกลับตามไปทำร้ายจำเลยอีก จนจำเลยทนไม่ได้เดินไปที่ห้องพักนำมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่ง กลับมาใช้ปาดคอผู้ตาย ซึ่งเหตุการณ์ตั้งแต่ผู้ตายพูดจาดูถูกจำเลยแล้วจำเลยกลับไปบ้านพักนำมีดมาปาดคอจนผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น เป็นระยะเวลาที่สืบเนื่องเชื่อมโยงติดต่อกันมาโดยตลอดในขณะนั้นเองและเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ขาดตอน เนื่องจากห้องพักของจำเลยกับที่เกิดเหตุห่างกันไม่มากนัก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติการณ์ตระเตรียมการหรือวางแผนฆ่าผู้ตายมาก่อนการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพาอาวุธมีดปลายแหลม 1 เล่ม ติดตัวไปในซอยวัดสุทธารามถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน 19 ซึ่งเป็นทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและใช้มีดดังกล่าวเชือดบริเวณลำคอของนายหงษ์สา บุญตาม อย่างแรง โดยมีเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้นายหงษ์สาถึงแก่ความตาย รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการตรวจศพและรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 371, 91

จำเลยให้การว่า ฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะและไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,371 เรียงกระทงลงโทษ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนลงโทษประหารชีวิตฐานพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะ ปรับ 100 บาท คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52 แล้ว คงลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุก 25 ปี ฐานพาอาวุธมีดปรับ 50 บาท รวมจำคุก 25 ปี และปรับ 50 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 ให้จำคุก 6 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี สำหรับความผิดฐานพาอาวุธมีดซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 50 บาท นั้น หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกามีเพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่าก่อนที่จำเลยจะใช้มีดปาดคอผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ผู้ตายได้พูดจาดูถูกจำเลยก่อนในลักษณะว่าจำเลยก็เหมือนของเล่นได้แล้วจะเลิกเมื่อไรก็ได้และเป็นหญิงใจง่ายหลอกกินเงินได้ เมื่อจำเลยโกรธและใช้รองเท้าตบหน้าผู้ตาย ผู้ตายกลับตามไปทำร้ายจำเลยอีก จนกระทั่งจำเลยทนไม่ได้เดินไปที่ห้องพักนำมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ1 ฟุตครึ่ง กลับมาที่เกิดเหตุและใช้มีดดังกล่าวปาดคอผู้ตายจนถึงแก่ความตาย เห็นได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวตั้งแต่ผู้ตายพูดจาดูถูกจำเลย แล้วจำเลยกลับไปที่บ้านพักนำมีดมาปาดคอผู้ตายจนถึงแก่ความตายนั้นเป็นระยะเวลาที่สืบเนื่องเชื่อมโยงติดต่อกันมาโดยตลอดในขณะนั้นเอง และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ขาดตอน เนื่องจากห้องพักของจำเลยกับที่เกิดเหตุห่างกันไม่มากนัก เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีพฤติการณ์ตระเตรียมการหรือวางแผนฆ่าผู้ตายมาก่อน กรณีจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันจะมีความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share