แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์นำรถยนต์ไปจอดไว้ที่ปั๊มน้ำมันของจำเลยที่ 2 แล้วมอบกุญแจรถไว้แก่(จำเลยที่ 1)ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 โดยโจทก์เสียค่าจอด เมื่อมีผู้ปลอมลายมือชื่อโจทก์มาขอรับรถยนต์ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้จัดการก็เป็นผู้พิจารณาว่าจะมอบรถยนต์ให้ไปหรือไม่ พฤติการณ์ที่คู่กรณีปฏิบัติต่อกันดังกล่าวเป็นเรื่องการฝากทรัพย์แม้ใบเสร็จรับเงินที่จำเลยที่ 2 ออกให้จะมีข้อความระบุว่าได้รับเงินค่าเช่าที่จอดรถ ก็หาใช่เช่าสถานที่จอดรถไม่ เมื่อเป็นสัญญาฝากทรัพย์จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็มีหน้าที่ต้องคืนรถให้โจทก์ ถ้าคืนไม่ได้ก็เป็นเรื่องผิดสัญญา คดีไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 หรือไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ฝากรถยนต์ของโจทก์ไว้ที่รับฝากรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างรับกุญแจรถของโจทก์ไว้และจำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการโดยมีบำเหน็จค่าฝากด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3ได้มอบรถยนต์ของโจทก์ให้คนอื่นไปเป็นเหตุให้รถยนต์สูญหายขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 70,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว จำเลยที่ 1ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ทำไปในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 มิได้รับฝากรถหากแต่ให้โจทก์เช่าที่จอดรถ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดชอบรถโจทก์ราคาไม่มากและโจทก์ไม่เสียหายดังฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ได้รถยนต์คืนมาภายหลังที่โจทก์ไปแจ้งหายไว้ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ยังไม่ได้รถคืนแต่ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัย และมีประเด็นอื่นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นทั้งหมดแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่แล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันคืนรถยนต์แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคา 50,000 บาทแทนกับค่าขาดประโยชน์ 3,000 บาท และดอกเบี้ยแต่วันฟ้อง
จำเลยที่ 2 ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ต้องรับผิดค่าขาดประโยชน์ในการใช้รถ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม สำหรับปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 รับฝากโดยมีบำเหน็จหรือให้เช่าสถานที่จอดรถนั้น ได้ความว่าโจทก์นำรถยนต์ไปจอดไว้ที่ปั๊มน้ำมันของจำเลยที่ 2 โดยมอบกุญแจรถแก่ลูกจ้างของจำเลยแม้ในใบเสร็จรับเงินที่จำเลยที่ 2 ออกให้จะมีข้อความระบุว่าได้รับเงินค่าเช่าที่จอดรถแต่พฤติการณ์ที่คู่กรณีปฏิบัติต่อกันก็เป็นเรื่องฝากทรัพย์หาใช่เช่าสถานที่จอดรถไม่จะเห็นได้ว่า เมื่อมีผู้ปลอมลายมือชื่อโจทก์มาขอรับรถยนต์ จำเลยที่ 3 ก็เป็นผู้พิจารณาว่าจะมอบรถยนต์ให้ไปหรือไม่ เมื่อเป็นสัญญาฝากทรัพย์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็มีหน้าที่ต้องคืนรถให้โจทก์ ถ้าคืนไม่ได้ก็เป็นเรื่องผิดสัญญา คดีไม่มีประเด็นจะวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 หรือไม่ ดังที่จำเลยฎีกามา
ส่วนที่จำเลยฎีกาเรื่องราคารถว่าโจทก์อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมมากหากจะขายในขณะเกิดเหตุก็ขายได้ไม่เกิน 35,000 บาทนั้น เห็นว่า รถโจทก์เพิ่งใช้งานเพียง 6 เดือนเศษก็หายไป ข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นกล่าวอ้างนั้นไม่ปรากฏในสำนวน ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะแก้ไขราคารถ ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้ว
พิพากษายืน