คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3857/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 45 วรรคสอง บัญญัติว่า การอุทธรณ์คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาหรือศาลปกครองสูงสุดแล้วแต่กรณี จึงเป็นกรณีที่กฎหมายวางหลักเกณฑ์ในเรื่องของการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้โดยเฉพาะว่าให้อุทธรณ์ไปยังศาลฎีกาหรือศาลปกครองสูงสุด การที่ผู้คัดค้านยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 และศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีกรณีที่ศาลฎีกาจะมีคำสั่งให้รับคำอุทธรณ์ของผู้คัดค้านไว้หรือให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านทำอุทธรณ์ขึ้นมาใหม่

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ โดยให้ผู้คัดค้านชำระเงิน 454,504.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันถัดจากวันชี้ขาดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายชั้นอนุญาโตตุลาการให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านออกฝ่ายละครึ่ง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง และฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
ผู้ร้องให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดข้อพิพาทของอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรมระหว่าง บริษัทบีช คอนสตรัคชั่น จำกัด ผู้เรียกร้อง กับบริษัทดวงจิตต์ จำกัด ผู้คัดค้าน โดยให้ผู้คัดค้านชำระเงิน 454,504.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ (วันที่ 31 สิงหาคม 2552) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่บริษัท บีช คอนสตรัคชั่น จำกัด ผู้เรียกร้อง ให้ผู้เรียกร้องและผู้คัดค้านออกค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายชั้นอนุญาโตตุลาการฝ่ายละครึ่ง กับให้ผู้คัดค้านใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีนี้แทนผู้ร้อง โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นของผู้คัดค้านให้ยก
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้คัดค้าน ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่ผู้คัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ผู้คัดค้านฎีกาว่า คดีนี้ผู้คัดค้านยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำอุทธรณ์ของผู้คัดค้าน ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาแล้วเห็นว่า การอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 ให้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ดังนั้นศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบที่จะส่งสำนวนกลับคืนศาลชั้นต้นเพื่อส่งสำนวนพร้อมอุทธรณ์ของผู้คัดค้านไปยังศาลฎีกา หรือให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านทำอุทธรณ์ใหม่ไปยังศาลฎีกาเพื่อศาลชั้นต้นจะได้รวบรวมส่งไปยังศาลฎีกาโดยตรง แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 กลับมีคำวินิจฉัยไม่รับอุทธรณ์และพิพากษายกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 วรรคสอง บัญญัติว่า การอุทธรณ์คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาหรือศาลปกครองสูงสุดแล้วแต่กรณี จึงเป็นกรณีที่กฎหมายวางหลักเกณฑ์ในเรื่องของการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้โดยเฉพาะว่าให้อุทธรณ์ไปยังศาลฎีกาหรือศาลปกครองสูงสุด ดังนั้นการที่ผู้คัดค้านยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 และศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีกรณีที่ศาลฎีกาจะมีคำสั่งให้รับคำอุทธรณ์ของผู้คัดค้านไว้หรือให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านทำอุทธรณ์ขึ้นมาใหม่ตามที่ผู้คัดค้านฎีกา ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share