แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจุดเผาไร่อ้อยของจำเลย แม้ไร่อ้อยจะอยู่ห่างเรือนผู้เสียหายเพียง 5 วา แต่ก็มีต้นมะพร้าวคั่นอยู่ 2 แถว และในการจุดเผา จำเลยก็มีพวกมาควบคุมดูแลอยู่หลายคน ทั้งขณะจุดเผา ลมก็ไม่แรง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจุดเผาทรัพย์โดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นตามมาตรา 187 ตามที่แก้ไขใหม่
แต่ในระหว่างจุดเผาไร่อ้อยอยู่นั้น มีชะมดหนีออกมาจากไร่อ้อย จำเลยกับพวกจึงละทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแลประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเป็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้เรือนผู้เสียหายดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานประมาทตามมาตรา 201
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 186, 187, 201, 174
จำเลยทั้งสองปฏิเสธความผิด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ผู้เดียวผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 186, 187 ที่แก้ไขเพิ่มเติมจำคุก 10 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 1
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสองมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 201 ให้จำคุกคนละ 6 เดือน
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างวินิจฉัย ข้อวินิจฉัยต่อไปมีว่า การที่จำเลยเผาไร่อ้อยนี้ โดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่บ้านเรือนและทรัพย์ของผู้เสียหายหรือไม่ จริงอยู่ไร่อ้อยที่จำเลยจุดเผาอยู่ห่างเรือนผู้เสียหายเพียง 5 วาแต่ก็มีต้นมะพร้าวคั่นอยู่ถึง 2 แถว และในการจุดเผานี้จำเลยก็มีพวกมาคอยควบคุมดูแลหลายคน ทั้งได้รับกันว่าขณะจุดเผานั้นลมไม่แรง แต่ในข้อที่จำเลยอ้างว่าได้ใช้น้ำสาดหลังคาและฝาเรือนก่อนลงมือจุดเผานั้น พยานจำเลยจะแตกต่างไม่น่าเชื่อก็ดีตามพฤติการณ์เท่าที่กล่าวมายังฟังไม่ได้ว่า จำเลยจุดเผาทรัพย์โดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นดังฟ้องแต่คดีควรฟังได้ตามคำพยานโจทก์ว่า การที่ไฟเกิดไหม้เรือนและทรัพย์เสียหายรายนี้ เนื่องจากจำเลยและพวกจุดไฟเผาไร่อ้อยแล้วได้ทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแล ประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเป็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้คอต้นมะพร้าวและไหม้เรือน และทรัพย์ดังกล่าวเสียหายหมด การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานประมาทตามมาตรา 201 ฯลฯ
จึงพิพากษายืน