คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3841/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะลงโทษบุคคลใดในทางอาญาได้ ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้
จำเลยมีอาวุธปืนเอ็ม 16 และกระสุนปืนเอ็ม 16 ซึ่งเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) ไว้ในครอบครองและจำหน่าย ในขณะที่พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2522 ใช้บังคับแล้ว แต่กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) ซึ่งกำหนดประเภท ชนิดและขนาดของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ยังไม่ได้ประกาศใช้บังคับแม้ต่อมาภายหลังที่จำเลยกระทำผิดกฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) จะประกาศใช้บังคับก็จะนำกฎกระทรวงฉบับนี้มาใช้บังคับย้อนหลังเป็นผลร้ายแก่จำเลยหาได้ไม่การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ.2490 มาตรา 55, 78 ที่ได้แก้ไขแล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2524)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๒ เวลากลางวัน จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีอาวุธปืนเอ็ม ๑๖ จำนวน ๑๑ กระบอก และกระสุนปืนเอ็ม ๑๖ จำนวน ๑๗๖ นัดซึ่งเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่มีประสิทธิภาพร้ายแรง ใช้ยิงได้ ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ไว้ในความครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายและจำเลยทั้งสี่ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อโดยฝ่าฝืนกฎหมายเจ้าพนักงานได้อาวุธปืนกระสุนปืนและซองกระสุนปืนเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๕๕, ๗๘ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๕, ๘พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖, ๘ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๒, ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ(ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๑๔ ข้อ ๒ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามฟ้อง รวม๒ กระทง จำคุกจำเลยคนละ ๑๐๐ ปี ริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๒๔, ๗๒, ๗๓ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ข้อ ๖, ๘ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๘๓ ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองจำคุกคนละ ๑๐ ปี ฐานจำหน่ายอาวุธปืนจำคุกคนละ ๒๐ ปีรวมจำคุกคนละ ๓๐ ปีลดโทษให้จำเลยแต่ละคนแล้วคงจำคุกจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ คนละ ๒๒ ปี ๖ เดือน จำเลยที่ ๓ ๒๔ ปี ของกลางริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาชั้นฎีกามีว่า การกระทำตามที่โจทก์ฟ้องเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๕๕, ๗๘ หรือไม่เห็นว่า การที่ศาลจะลงโทษบุคคลใดในทางอาญาได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ คดีนี้จำเลยทั้งสี่กระทำผิดเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๒ แม้ขณะนั้นพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ มีผลใช้บังคับแล้วก็ตาม แต่กฎกระทรวงฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่กำหนดประเภท ชนิด และขนาดของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ยังไม่ได้ประกาศใช้บังคับ เพิ่งประกาศใช้บังคับในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคมพ.ศ. ๒๕๒๒ ภายหลังที่จำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า กรณีนี้จะนำกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ดังกล่าวมาใช้บังคับย้อนหลังเป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้ การกระทำของจำเลยทั้งสี่ตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๕๕, ๗๘ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share