คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3835/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อการยึดตึกพิพาทเป็นการยึดแต่ตัวตึกโดยไม่ได้ยึดรวมกับที่ดินที่ตึกตั้งอยู่ด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์เช่นนี้ได้แก่นายอำเภอหรือผู้ทำการแทน ดังนั้นเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดตึกพิพาทและได้มีหนังสือแจ้งการยึดไปยังหัวหน้าเขตแล้ว ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่ามีการแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินผู้มีหน้าที่ทราบแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 304 และย่อมมีผลตามมาตรา 305 การที่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้โอนตึกพิพาทที่ถูกยึดแก่ผู้ร้องในภายหลัง จึงหาอาจใช้ยันแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของจำเลยรวมทั้งตึกพิพาทเลขที่ ๓๔๔ ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๕๗๑๒ แขวงคลองตันเขตพระโขนง เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๒๒
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ตึกเลขที่ ๓๔๔ ที่โจทก์นำยึดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ผู้ร้องซื้อจากจำเลยพร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๕๗๑๒ ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานโดยชอบแล้วไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลย ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า โจทก์ได้ไปยึดตึกพิพาทเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๒๒ ซึ่งขณะนั้นตึกยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ เพิ่งขายให้ผู้ร้องเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ อันเป็นเวลาภายหลังจากที่โจทก์นำยึด ผู้ร้องจึงไม่อาจอ้างยันโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ ขอให้ยกคำร้อง
ก่อนสืบพยานโจทก์และผู้ร้องแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดตึกพิพาทซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๒๒ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือแจ้งการยึดไปยังหัวหน้าเขตพระโขนง เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๒๒ ต่อมาวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ จำเลยที่ ๒ นำตึกพิพาทขายให้ผู้ร้องพร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๕๗๑๒ โดยจดทะเบียนซื้อขายกันที่สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เขตพระโขนงเจ้าพนักงานที่ดินรับแจ้งการยึดจากผู้อำนวยการกอง กองยึดและจำหน่ายทรัพย์สินตามหนังสือลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ และเจ้าพนักงานที่ดินมีหนังสือตอบลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า การซื้อขายที่ดินและตึกพิพาทเป็นการที่จำเลยที่ ๒ ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ก่อให้เกิดโอนหรือเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในตึกพิพาทภายหลังที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้แล้วมาเป็นของผู้ร้อง จึงใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๓๐๕(๑) ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาท ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การยึดตึกพิพาทรายนี้เป็นการยึดแต่ตัวตึกไม่ได้มีการยึดรวมกับที่ดินที่ตึกตั้งอยู่ด้วย ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๑(๒) พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์เช่นนี้ได้แก่นายอำเภอหรือผู้ทำการแทน ดังนั้นเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดตึกพิพาทและได้มีหนังสือแจ้งการยึดไปยังหัวหน้าเขตพระโขนงแล้วตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๒๒ จึงเป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่ามีการแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินผู้มีหน้าที่ทราบแล้ว ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๔ เมื่อฟังว่าเป็นการยึดตามกฎหมายแล้วย่อมมีผลตามมาตรา ๓๐๕ การที่จำเลยที่ ๒ ลูกหนี้ก่อให้เกิดการโอนตึกพิพาทที่ถูกยึดแก่ผู้ร้องในภายหลังหาอาจใช้ยันเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไม่
พิพากษายืน

Share