คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารของโจทก์ร่วม แม้เอกสารดังกล่าวยังสามารถอ่านเข้าใจได้ ก็ถือได้ว่าจำเลยทำให้เสียหาย ทำลายซึ่งเอกสารในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แล้ว หาจำต้องทำให้เอกสารนั้นสูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับไม่
เมื่อจำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารขาดจากกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำความผิดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้ปากกาขีดฆ่าเป็นเครื่องหมายกากบาทและเครื่องหมายวงกลมลงบนข้อความและตัวเลขในเอกสาร ซึ่งนางเรณูผู้เสียหายได้จดทะเบียนลงในสมุดของผู้เสียหายมีข้อความและตัวเลขเป็นหลักฐานแห่งหนี้กู้ยืมและเงินเล่นแชร์จำนวน ๙๕,๖๐๐ บาทที่จำเลยเป็นหนี้ผู้เสียหาย และจำเลยได้ลงลายมือชื่อรับรองข้อความและตัวเลขในเอกสารนั้นไว้ และจำเลยได้ฉีกเอกสารดังกล่าวจนขาดเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๘๘ และคืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘ ให้จำคุก ๑ ปี ของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย ๖ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘ บุคคลใดเพียงแต่ทำให้เสียหาย หรือทำลายซึ่งเอกสารของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนก็มีความผิดตามบทมาตรานี้แล้ว ดังนั้น การที่จำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารของโจทก์ร่วม แม้เอกสารดังกล่าวยังสามารถอ่านเข้าใจได้ก็ถือได้ว่าจำเลยทำให้เสียหายทำลายซึ่งเอกสาร ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘ แล้วหาจำต้องทำให้เอกสารนั้นสูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับไม่
เมื่อจำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารดังกล่าวขาดจากกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำความผิดไม่
พิพากษายืน

Share