แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงรับกันว่า สัญญาขายฝากมิได้ทำเป็นกรมธรรม์และจำเลยเข้าครอบครองยังไม่ครบ 10 ปี ต้องฟังว่าจำเลยได้ยึดถือที่ดินโดยปราศจากมูลอันจะอ้างตามกฎหมายไม่ได้กรรมสิทธิ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ได้ทำหนังสือกู้เงินจำเลย 160 บาท โดยมอบที่ดินพร้อมด้วยหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินกับเรือนซึ่งปลูกในที่ดินให้จำเลยครอบครองเป็นประกัน ขอให้จำเลยคืนที่ดิน เรือน และรับชำระหนี้
ในวันพิจารณา โจทก์แถลงรับตามคำให้การจำเลยว่าโจทก์ได้ทำหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินรายพิพาทให้จำเลยและในสัญญาระบุว่าถ้าโจทก์ไม่ไถ่คืนภายใน 15 วัน โจทก์ยอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์โจทก์ได้รับราคาที่ตกลงซื้อขาย 160 บาทแล้วจำเลยได้เข้าครอบครองตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2485 เป็นต้นมาจนบัดนี้ และคู่ความแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อโจทก์รับว่าขายฝากและทำกันเองสัญญาขายฝากย่อมเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้อง และโจทก์จะขอให้บังคับตามฟ้องก็ไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้นำสืบข้อเท็จจริงตามฟ้อง ศาลจะพิพากษาเกินกว่าคำฟ้องไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ว่า แม้สัญญาขายฝากจะเป็นโมฆะ สัญญาก็ยังสมบูรณ์ตามแบบสัญญากู้เงิน โจทก์ฟ้องอ้างอำนาจตรงตามข้อเท็จจริงที่คู่ความรับรองกันอยู่แล้วจะว่าฟ้องผิดไปกระไรได้ และประเด็นการครอบครองนั้นจำเลยเพิ่งได้ครอบครองมาเพียง 3 ปีเศษไม่ได้กรรมสิทธิ์ พิพากษากลับให้จำเลยคืนที่ดินและเรือนพิพาท
ศาลฎีกาเห็นว่า รูปคดีตามคำฟ้องเป็นเรื่องเรียกร้องให้คืนที่ดินและเรือน โดยอ้างว่า จำเลยไม่มีสิทธิจะยึดไว้โดยชอบจะฟังว่าโจทก์ฟ้องเรียกตามข้อสัญญาแต่เฉพาะทางเดียวหาตรงกับถ้อยคำไม่ รูปคดีฟังเป็นยุติว่า เดิมโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนี้ ข้อที่จำเลยอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์มาเพราะซื้อฝากก็ปรากฏว่าสัญญาตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 และข้อที่อ้างว่าได้ครอบครองมา 3 ปีเศษแล้ว ก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เมื่อข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น รูปคดีต้องฟังว่า จำเลยได้ยึดถือที่ดินโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ พิพากษาให้จำเลยคืนที่ดินและเรือนแก่โจทก์