คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3822/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

สัญญาเช่าเดิมระหว่างโจทก์และจำเลยระงับไปเพราะสิ้นกำหนดเวลาเช่าและไม่มีเงื่อนไขหรือข้อผูกพันว่าจำเลยจะต้องต่อสัญญาเช่าให้โจทก์ การที่จำเลยซึ่งเป็นส่วนราชการไม่ยอมต่อสัญญาเช่าให้แก่โจทก์อีกต่อไปย่อมเป็นสิทธิของจำเลยที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย การที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าไม่ประสงค์จะต่อสัญญาเช่าที่ดินให้แก่โจทก์ จึงไม่ใช่คำสั่งทางปกครองที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสองที่สั่งระงับการต่อสัญญาเช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 4815 ตำบลปากเพียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี และที่ดินข้างเคียงพร้อมอาคารเรือนไม้ ระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันต่อสัญญาเช่าที่ดินและอาคารประจำปี 2543 และปีต่อไปทุกปี หากจำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการ ให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยานโจทก์แล้วมีคำพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามที่คู่ความไม่โต้แย้งว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินพร้อมอาคารพิพาทจากจำเลยที่ 1 และสัญญาเช่าได้สิ้นกำหนดเวลาเช่าลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2543 โจทก์ได้ขอต่อสัญญาเช่าที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ไม่ยอมต่อสัญญาเช่าให้อ้างว่าจะใช้ที่ดินดังกล่าวสร้างศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เห็นว่า กรณีนี้เป็นกรณีสัญญาเช่าเดิมระงับเพราะสิ้นกำหนดเวลาเช่าและไม่มีเงื่อนไขหรือข้อผูกพันว่าจำเลยที่ 1 จะต้องต่อสัญญาเช่าให้แก่โจทก์ การที่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมต่อสัญญาเช่าให้แก่โจทก์ต่อไปย่อมเป็นสิทธิของจำเลยที่ 1 ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย การที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าไม่ประสงค์จะต่อสัญญาเช่าที่ดินให้แก่โจทก์ จึงมิใช่คำสั่งทางปกครองที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share