แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้ยินยอมให้นายแช่มเป็นตัวแทนของโจทก์ในการควบคุมการก่อสร้าง รวมตลอดถึงรับเงินค่าจ้างได้ด้วยดังนี้ การที่จำเลยชำระเงินค่าก่อสร้างให้แก่นายแช่ม จึงเป็นการชำระให้แก่ผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ ถึงแม้จำเลย จะชำระเงินค่าก่อสร้างบางส่วนให้แก่ บ. ช.และอ.แต่เนื่องจากจาก บ.เป็นภริยาของนายแช่มช. เป็นน้องชายของนายแช่มและอ.เป็นผู้ร่วมทำการก่อสร้างกับนายแช่มทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทักท้วงการกระทำดังกล่าวของจำเลยกรณีจึงถือได้ว่า บุคคลดังกล่าวกระทำการรับชำระหนี้ร่วมกับนายแช่มแทนโจทก์ เป็นการชำระหนี้โดยชอบเช่นเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2532 จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ก่อสร้างบ้านพักอาศัย เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้นให้แก่จำเลย 1 หลัง ในราคาค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 1,300,000 บาท โดยจำเลยตกลงชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์เป็นงวด รวม 13 งวด การชำระเงินแต่ละงวดจะชำระภายใน 5 วัน นับแต่วันที่จำเลยตรวจรับมอบงาน โจทก์ทำการก่อสร้างบ้านให้แก่จำเลยเสร็จตามสัญญา และจำเลยตรวจรับมอบงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2533 ปรากฏว่า จำเลยยังคงค้างชำระค่าจ้างโจทก์อีกจำนวน 620,000 บาท โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมชำระ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยต้องรับผิดชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 5 เมษายน 2533 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการจ่ายเงินตามสัญญาจนถึงวันฟ้อง เป็นเวลา7 เดือน คิดเป็นเงินดอกเบี้ยจำนวน 27,125 บาท รวมเป็นเงินค่าจ้างและดอกเบี้ยที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น จำนวน 647,125 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 647,125 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน620,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์กับนายแช่ม แสงจันทร์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันให้ร่วมก่อสร้างบ้านพักให้แก่จำเลยตามฟ้องจริง แต่จำเลยได้ชำระเงินค่าจ้างก่อสร้างให้แก่โจทก์จนครบถ้วนแล้ว โจทก์จำเลยจึงไม่มีหนี้สินต่อกัน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า นายแช่มมีฐานะเป็นเพียงคนงานผู้ควบคุมงานก่อสร้างของโจทก์ ไม่ใช่ตัวแทนผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์หรือเป็นคู่สัญญาตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างเอกสารหมาย จ.1 การที่จำเลยชำระเงินค่าก่อสร้างให้แก่นายแช่ม นางอุบล นายชาญ และนายอำนวย จึงต้องถือว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความตอนแรกของหนังสือสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างเอกสารหมาย จ.1ระบุไว้ชัดว่า เป็นสัญญาระหว่างนายชูชาติ มิ่งโมฬี (จำเลย)กับนายแช่ม แสงจันทร์ ถึงแม้จะได้มีการขีดฆ่าคำว่านายแช่ม แสงจันทร์ ออกจากข้อความในตอนต่อมาที่ว่า “โดยนายชูชาติ มิ่งโมฬี ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า”ผู้จ้างเหมา” กับนายแช่ม แสงจันทร์ โดยนายชัยยง ติงรัตนสุวรรณ(โจทก์)” แต่ก็ยังเป็นหลักฐานยืนยันว่า นายแช่มมีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาฉบับดังกล่าวในฐานะเป็นฝ่ายของโจทก์ผู้รับเหมาก่อสร้าง มิฉะนั้นคงไม่ยินยอมให้ระบุชื่อของตนไว้ในสัญญาอย่างแน่นอน อีกทั้งยังได้ความจากคำของโจทก์ตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า ได้มอบหมายให้นายแช่มเป็นผู้ควบคุมการรับเหมาก่อสร้างบ้านให้แก่จำเลยจนแล้วเสร็จและทราบว่าจำเลยได้จ่ายเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่นายแช่มเป็นค่าวัสดุและค่าแรงงาน อันเป็นการเจือสมกับข้อนำสืบของจำเลย ซึ่งได้ความว่า จำเลยตกลงว่าจ้างนายแช่มให้ทำการก่อสร้างบ้านพักอาศัยตามหนังสือจ้างเหมาก่อสร้าง เอกสารหมาย จ.1 แต่เนื่องจากนายแช่มเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์จึงได้ให้โจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเหมาในสัญญาดังกล่าวโดยนายแช่มเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างและมีสิทธิรับเงินค่าจ้างจากจำเลยได้เช่นเดียวกับโจทก์ พฤติการณ์และความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับนายแช่มแสดงชัดว่า โจทก์ได้ยินยอมให้นายแช่มเป็นตัวแทนของโจทก์ในการควบคุมการก่อสร้าง รวมตลอดถึงรับเงินค่าจ้างได้ด้วยดังนี้ การที่จำเลยชำระเงินค่าก่อสร้างให้แก่นายแช่ม จึงเป็นการชำระให้แก่ผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ ถึงแม้จำเลยจะชำระเงินค่าก่อสร้างบางส่วนให้แก่นางอุบล นายชาญ และนายอ้วน แต่เนื่องจากนางอุบลเป็นภริยาของนายแช่ม นายชาญเป็นน้องชายของนายแช่ม และนายอำนวยเป็นผู้ร่วมทำการก่อสร้างกับนายแช่ม ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทักด้วย การกระทำดังกล่าวของจำเลย กรณีจึงถือได้ว่า บุคคลดังกล่าวกระทำการรับชำระหนี้ร่วมกับนายแช่มแทนโจทก์ เป็นการชำระหนี้โดยชอบเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน