แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อ จำหน่ายแล้ว แม้จำเลยที่ 1 จะมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวที่มีน้ำหนักคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เพียง 11.151 กรัม ไม่ถึงยี่สิบกรัม การกระทำของจำเลยที่ 1 ก็เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่งแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15,66, 67, 102 และริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองแต่มิได้มีไว้เพื่อจำหน่าย
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก จำเลยที่ 1 มีกำหนด 15 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ในขณะกระทำความผิดมีอายุ 15 ปีเศษ เห็นสมควรไม่พิพากษาลงโทษ แต่ให้ส่งจำเลยที่ 2 ไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดราชบุรีจนกว่าจำเลยที่ 2 จะมีอายุครบ 18 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5), 75 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ส่วนธนบัตร 18,000 บาท ของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยมาโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาในข้อนี้ว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2540 เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นตัวจำเลยที่ 1 พบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 565 เม็ด มีน้ำหนักคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 11.151 กรัม ตามเอกสารหมาย จ.10 บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีแดงอยู่ในกระเป๋ากางเกงหน้าด้านขวาของจำเลยที่ 1 มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 1 ประการแรกว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์มีเหตุผลและน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนมีน้ำหนักคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เพียง 11.151 กรัม สมควรลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองตามมาตรา 67 นั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว แม้จำเลยที่ 1 จะมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวที่มีน้ำหนักคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เพียง 11.151 กรัม ไม่ถึงยี่สิบกรัมการกระทำของจำเลยที่ 1 ก็เป็นความผิดตามมาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง และต้องลงโทษตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 1 ประการสุดท้ายว่าสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 1 เพียงใด เห็นว่า เมื่อถูกจับกุมจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพทันทีว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายทั้งการนำสืบของจำเลยที่ 1 ก็เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่ศาลล่างทั้งสองลดโทษให้จำเลยที่ 1 เพียงหนึ่งในสี่นั้น ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดโทษจำเลยที่ 1 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 13 ปี4 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3