แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ทะเลาะกับผู้ตายอยู่ริมรั้ว. จำเลยที่2 ถือมีดพร้าวิ่งลงจากบ้านพร้อมกับร้องว่าฟันให้ตายๆ.การแสดงออกด้วยกิริยาและคำพูดของจำเลยที่ 2 ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย. ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 คว้ามีดพร้าจากมือจำเลยที่ 2 แหวกรั้วเข้าไปฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย. จึงเป็นการกระทำที่สมเจตนาของจำเลยที่ 2. เมื่อจำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายแล้ว.ได้โยนมีดพร้าข้ามรั้วมาให้จำเลยที่ 2. จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้พามีดพร้าวิ่งหนีไป. การกระทำของจำเลยที่ 2ดังกล่าวแล้วจึงถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกับจำเลยที่ 1ฆ่าผู้ตาย. จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83.
จำเลยที่ 3 ได้วิ่งมาและพูดยุยงให้จำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายให้ตาย.หลังจากจำเลยที่ 1 ลงมือทำร้ายผู้ตายได้1 แผล. จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 มิได้เป็นผู้ก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิด. เพราะจำเลยที่ 1 ได้เริ่มลงมือกระทำผิดไปแล้ว. คำยุยงของจำเลยที่ 3 จึงเป็นเพียงสนับสนุนเร้าใจให้จำเลยที่ 1 มุ่งกระทำร้ายต่อผู้ตายให้ถึงตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น. การกระทำของจำเลยที่3 จึงฟังได้เพียงว่าเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจร่วมกันใช้มีดพร้าฟันทำร้ายนางขำสายวารีโดยเจตนาฆ่า นางขำได้ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 และ 3 ให้การปฏิเสธต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ 2, 3 ยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่ 1 กระทำผิด จำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายตาย จำเลยที่ 2, 3จึงมีความผิดเสมือนเป็นตัวการ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 83, 84 จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78, 52 คงจำคุกจำเลยที่ 1 สิบสองปี และให้จำคุกจำเลยที่ 2, 3 คนละสิบสองปี จำเลยที่ 2, 3 อุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น และเห็นว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ส่วนจำเลยที่ 3 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 3 ร้องบอกจำเลยที่ 1 ว่าฟันให้ตาย ๆ” ในขณะที่จำเลยที่ 1กำลังทำร้ายผู้ตายอยู่แล้ว จึงเป็นแต่เพียงทำให้จำเลยที่ 1 มีใจป้ำขึ้น จำเลยที่ 3 ควรมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 590/2463 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 86 จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนดสิบปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 จำเลยที่ 2, 3 ฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 ด่าผู้ตาย เมื่อผู้ตายด่าตอบจำเลยที่ 1 ก็ใช้มีดพร้าฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย และเห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 ถือมีดพร้าวิ่งลงจากบ้านพร้อมกับร้องว่าฟันให้ตาย ๆการแสดงออกด้วยกิริยาและคำพูดของจำเลยที่ 2 ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 คว้ามีดพร้าจากมือจำเลยที่ 2 แหวกรั้วเข้าไปฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำที่สมเจตนาของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายแล้วได้โยนมีดพร้าข้ามรั้วมาให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้พามีดพร้าวิ่งหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวแล้วจึงถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ส่วนจำเลยที่ 3 ได้วิ่งมาและพูดยุยงให้จำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายให้ตายหลังจากจำเลยที่ 1 ลงมือทำร้ายผู้ตายได้ 1 แผล จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 มิได้เป็นผู้ก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิด เพราะจำเลยที่ 1 ได้เริ่มลงมือกระทำผิดไปแล้ว คำยุยงของจำเลยที่ 3 จึงเป็นเพียงสนับสนุนเร้าใจให้จำเลยที่ 1 มุ่งกระทำร้ายต่อผู้ตายให้ถึงตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงฟังได้เพียงว่าเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์จำเลย.