คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่จำเลยที่ 1,2 ถูกฟ้องร่วมกันมาเพื่อให้ใช้ค่าเสียหายนั้นถึงแม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับว่าได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจริง
แต่เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันปฏิเสธว่าจำเลยที่ 1 มิได้ประมาทเช่นนี้ โจทก์ต้องนำสืบหักล้างให้ฟังได้ตามฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ประมาท ทั้งนี้เพราะคำให้การอันเป็นกระบวนพิจารณาที่จำเลยที่ 1 กระทำไปนั้นเป็นที่เสื่อมเสียแก่จำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อวว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำหรือละเว้นกระทำด้วยเจตนาหรือประมาท เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายและจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การรับตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธหลายประการ ข้อสำคัญจำเลยที่ 2 อ้างว่าจำเลยที่ 1 มิได้ประมาทเลินเล่อดังโจทก์กล่าวอ้าง

ชั้นพิจารณา คู่ความแถลงรับกันหลายประการแล้วไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหาย ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาว่า ในฎีกาของจำเลยที่ 2 มีความข้อหนึ่งว่า จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 มิได้ประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายดังโจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้อง จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะนำสืบให้ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจริง ทางพิจารณาปรากฏแต่คำรับของจำเลยที่ 1 ย่อมนำมาผูกมัดจำเลยที่ 2 ให้ฟังได้ตามข้อกล่าวอ้างของโจทก์ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังมาหาได้ไม่ แล้วศาลฎีกาได้วินิจฉัยฎีกาข้อนี้ว่า พิจารณาความข้อนี้ตามที่ปรากฏในคำฟ้อง คำให้การ คำแถลงของคู่ความ และเอกสารท้ายคำฟ้องที่รับกันดังที่ศาลชั้นต้นบันทึกรายงานกระบวนพิจารณาไว้ ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำร้องของโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเมิดต่อทรัพย์สินของโจทก์เพราะปฏิบัติบกพร่องต่อหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อขายจักรโดยวิธีเช่าซื้อให้แก่ผู้เช่าซื้อซึ่งมีความเป็นอยู่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อมีฐานะและความเป็นอยู่ไม่มั่นคงพอที่จะรับให้เป็นผู้ค้ำประกันหนี้แต่อย่างใดเลย การกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธความรับผิดหลายประการ รวมถึงว่ามิใช่กรณีละเมิดและว่าจำเลยที่ 1 มิได้ประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ ตามเอกสารสัญญารับรองความเสียหายที่จำเลยที่ 2 ทำกับโจทก์ไว้มีข้อความตกลงยินยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยที่ 1 ได้กระทำหรือละเว้นการกระทำใด ๆ ด้วยเจตนาหรือประมาทหรือด้วยเจตนาทุจริตเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ตามคำแถลงของคู่ความไม่มีข้อความแสดงว่าจำเลยที่ 2 ยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อดังที่โจทก์กล่าวอ้างเลย ฉะนั้น โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ตามที่โจทก์กล่าวอ้างอันเป็นการหักล้างคำให้การต่อสู้ของจำเลยที่ 2 สำหรับคำให้การของจำเลยที่ 1 นั้นแม้จำเลยที่ 1 จะยอมรับผิดตามฟ้องของโจทก์ทุกประการ ก็หามีผลผูกพันจำเลยที่ 2 ด้วยไม่ ทั้งนี้ จะเห็นได้โดยมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งบัญญัติความว่า กระบวนพิจารณาที่คู่ความคนหนึ่งกระทำไปเป็นที่เสื่อมเสียแก่คู่ความร่วมคนอื่น ๆ ไม่มีผลผูกพันคู่ความร่วมคนอื่น ๆ คดีต้องยกฟ้องสำหรับตัวจำเลยที่ 2 ไม่จำเป็นต้องพิจารณาปัญหาข้ออื่นต่อไป

พิพากษาแก้เฉพาะที่เกี่ยวกับตัวจำเลยที่ 2 เป็นยกฟ้อง

Share