คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับศ.จำเลยในคดีแพ่งเรื่องอื่นออกขายทอดตลาดโจทก์จึงเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแต่โจทก์มิได้ยื่นคำขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดภายในกำหนดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองโจทก์จึงไม่อาจขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้อีกต่อไปดังนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำฟ้องคดีนี้ว่าบ.เข้าประมูลซื้อทรัพย์พิพาทในคดีแพ่งเรื่องอื่นดังกล่าวในนามของตนเองโดยไม่ได้รับมอบฉันทะจากจำเลยก็หาทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์ได้ไม่การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่11004 เลขที่ดิน 101 ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปางพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดและนำออกขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2531 ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 478/2528 ของศาลชั้นต้นระหว่างนายจำรูญ ทิมทองโจทก์ นางศรีนวล บุญนำมา จำเลย โดยนายบุญมี ช้อนสุขเป็นผู้ประมูลซื้อได้ในราคา 3,200,000 บาท หลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดีนำเอาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ออกขายทอดตลาดจำเลยโดยทุจริตได้กล่าวข้อความอันเป็นเท็จและแสดงเอกสารอันเป็นเท็จต่อศาลชั้นต้นและเจ้าพนักงานบังคับคดีประจำศาลนั้นว่าเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2531 จำเลยได้ทำหนังสือมอบฉันทะให้นายบุญมี ซ้อนสุข เป็นผู้รับมอบฉันทะเข้าทำการประมูลซื้อที่ดินของโจทก์ ทำให้ศาลชั้นต้นและเจ้าพนักงานบังคับคดีประจำศาลชั้นต้นหลงเชื่อและได้ทำการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ให้แก่จำเลย และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของจำเลยอันเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายความจริงนายบุญมีได้เข้าประมูลซื้อทรัพย์ในนามของตนเองไม่ได้รับมอบฉันทะจากจำเลยในขณะทำการประมูลซื้อ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามารถนำที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดใหม่ให้ได้ราคาสูงกว่าเดิม และทำให้โจทก์ไม่สามารถไถ่ถอนจำนองที่ดินคืนได้ขอให้พิพากษาเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11004เลขที่ดิน 101 ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปางจากการซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาด และเพิกถอนการมอบฉันทะตามหนังสือมอบฉันทะของจำเลยฉบับลงวันที่ 31 ตุลาคม 2531 ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 478/2528 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การว่า จำเลยได้มอบฉันทะให้นายบุญมี ซ้อนสุขเข้าเป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์พิพาทแทนตามหนังสือมอบฉันทะลงวันที่31 ตุลาคม 2531 ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาต โจทก์ไม่เคยโต้แย้งหรือคัดค้านว่า ศาลมีคำสั่งไม่ถูกต้องหรือการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายนอกจากนี้โจทก์ยังยอมรับมาโดยตลอดว่าจำเลยเป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์พิพาทได้ โดยได้ยื่นอุทธรณ์และฎีกาคัดค้านการขายทอดตลาดว่าราคาที่จำเลยประมูลซื้อได้นั้นต่ำกว่าราคาที่แท้จริง จนคดีดังกล่าวถึงที่สุดและจำเลยได้ชำระเงินค่าซื้อทรัพย์พร้อมกับรับโอนทรัพย์พิพาทเรียบร้อยแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีอีกขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้นายจำรูญ ทิมทอง เป็นโจทก์ฟ้องนางศรีนวล บุญนำมาภริยาโจทก์เป็นจำเลยเรียกเงินตามเช็ค ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นางศรีนวลชำระเงินแก่นายจำรูญจำนวน 100,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย คดีถึงที่สุดแล้ว ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 478/2528ของศาลชั้นต้น นางศรีนวลไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา นายจำรูญขอให้บังคับคดี และนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนางศรีนวลออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา นายบุญมีเข้าประมูลให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน 3,200,000 บาท ศาลชั้นต้นเห็นว่าราคาที่ผู้ประมูลเสนอเป็นราคาพอสมควรแล้วจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ขายได้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงตกลงขายทรัพย์ดังกล่าวไปในราคา 3,200,000 บาทจำเลยซึ่งนายบุญมีอ้างว่าเป็นผู้มอบฉันทะให้นายบุญมีไปประมูลซื้อทรัพย์พิพาทได้ชำระราคาทรัพย์พิพาทให้เจ้าพนักงานบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้โอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้แก่จำเลยแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า โจทก์จะฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลขอให้เพิกถอนการโอนทรัพย์พิพาทและเพิกถอนการมอบฉันทะตามหนังสือมอบฉันทะของจำเลยลงวันที่ 31 ตุลาคม 2531 ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 478/2538 ของศาลชั้นต้นได้หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในลักษณะนี้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นแล้วแต่กรณีอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้นขอให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวง หรือวิธีการบังคับใด ๆ โดยเฉพาะ หรือขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการใด ๆแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่เห็นสมควร” การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนางศรีนวลจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 478/2528 ของศาลชั้นต้นออกขายทอดตลาด โจทก์จึงเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี แต่โจทก์มิได้ยื่นคำขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว โจทก์จึงไม่อาจขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้อีกต่อไป ดังนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำฟ้องว่านายบุญมีเข้าประมูลซื้อทรัพย์พิพาทในนามของตนเองโดยไม่ได้รับมอบฉันทะจากจำเลย ก็หาทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์ได้ไม่ การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share