คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4767/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ศาลจะมีคำสั่งรับคำฟ้องซึ่งถือว่าเป็นคำคู่ความแล้ว แต่เมื่อศาลตรวจพบว่าคำฟ้องฟุ่มเฟือย ไม่ชัดเจน ศาลก็มีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้รับคำฟ้องไปแล้วได้เพราะถือได้ว่าเป็นการเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27
ในการเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบ ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามมิให้ผู้พิพากษาคนอื่นที่มีอำนาจในการพิจารณาคดีมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของผู้พิพากษาคนก่อน ๆ ที่ไม่ได้พิจารณาคดีแล้ว ดังนั้น แม้เป็นผู้พิพากษาคนอื่นแต่มีอำนาจในการพิจารณาคดีสำนวนนั้น ก็ย่อมมีอำนาจในการเพิกถอนคำสั่งหรือการพิจารณาที่ผิดระเบียบของผู้พิพากษาคนก่อน ๆ ที่ไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีแล้ว และไม่เป็นการทำลายหลักความเป็นอิสระของผู้พิพากษา แต่อย่างใด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งชี้ขาด (ความเห็น) และมติของคณะกรรมการสอบสวน ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องและเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคำฟ้องมีข้อความบางตอนฟุ่มเฟือยเกินไปและจำเลยบางคนที่ถูกฟ้องโดยระบุชื่อ ก็ยังถูกฟ้องเป็นจำเลยอีกในฐานะที่ดำรงตำแหน่งตามที่กฎหมายบัญญัติบ้าง ในลักษณะที่เป็นคณะบุคคลบ้าง เป็นการซ้ำซ้อนกัน นอกจากนี้โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้อง โดยขอให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย อาศัยอำนาจตามความนัย ป.วิ.พ. มาตรา ๑๘ และมาตรา ๒๗ จึงให้เพิกถอนคำสั่งรับฟ้องและมีคำสั่งใหม่ว่า ให้คืนคำฟ้องไปทำมาใหม่ภายใน ๒๐ วัน และจะพิจารณาสั่งคำฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า เห็นว่า ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๘ วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า “ถ้าศาลเห็นว่าคำคู่ความที่ได้ยื่นไว้ดังกล่าวแล้วนั้น อ่านไม่ออกหรืออ่านไม่เข้าใจ หรือเขียนฟุ่มเฟือยเกินไป หรือไม่มีรายการ ไม่มีลายมือชื่อ ไม่แนบเอกสารต่าง ๆ ตามที่กฎหมายต้องการ หรือมิได้ชำระ หรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วน ศาลจะมีคำสั่งให้คืนค่าคู่ความนั้นไปให้ทำมาใหม่หรือแก้ไขเพิ่มเติม หรือชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาและกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ตลอดจนเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่ศาลเห็นสมควรก็ได้ ถ้ามิได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลในระยะเวลาหรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก็ให้มีคำสั่งไม่รับคำคู่ความนั้น” และมาตรา ๒๗ วรรคแรก บัญญัติว่า “ในกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม หรือที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเรื่องการเขียนและการยื่น หรือการส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่น ๆ หรือในการพิจารณาคดี การพิจารณาพยานหลักฐาน เมื่อศาลเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความฝ่ายที่เสียหาย เนื่องจากการที่มิได้ปฏิบัติเช่นว่านั้น ยื่นคำขอโดยคำเป็นคำร้อง ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควร” ดังนั้น แม้ศาลจะมีคำสั่งรับคำฟ้องซึ่งถือว่าเป็นคำคู่ความแล้วก็ตาม แต่เมื่อศาลตรวจพบว่าคำฟ้องฟุ่มเฟือย ไม่ชัดเจน ศาลก็มีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้รับคำฟ้องไปแล้วได้เพราะถือได้ว่าเป็นการเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ผู้พิพากษาที่สั่งเพิกถอนคำสั่งรับคำฟ้องเดิมนั้น เป็นคนละคนกับผู้พิพากษาคนแรก จึงไม่มีอำนาจสั่งเพิกถอนและคำสั่งเพิกถอนย่อมเป็นการไม่ชอบ เห็นว่า ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามมิให้ผู้พิพากษาคนอื่นที่มีอำนาจในการพิจารณาคดีมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของผู้พิพากษาคนก่อน ๆ ที่ไม่ได้พิจารณาคดีแล้ว ดังนั้น แม้เป็นผู้พิพากษาคนอื่น แต่มีอำนาจในการพิจารณาคดีสำนวนนั้น ก็ย่อมมีอำนาจในการเพิกถอนคำสั่งหรือการพิจารณาที่ผิดระเบียบของผู้พิพากษาคนก่อน ๆ ที่ไม่มีอำนาจในการพิจารณาแล้ว และไม่เป็นการทำลายหลักความเป็นอิสระของผู้พิพากษาแต่อย่างใด …
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

Share