คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ซึ่งไม่ได้ระบุถึงข้อตกลงว่าจะแบ่งกันอย่างไร และให้กันเพราะเหตุใดนั้น ถือว่าเป็นเพียงพฤติการณ์ที่แสดงเจตนาจะทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเท่านั้นยังฟังไม่ได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความกันจึงไม่ใช่เอกสารที่ต้องห้ามมิให้นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งที่ดินกึ่งหนึ่งตามที่จำเลยยอมให้โจทก์

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นนัดพร้อม จดข้อที่คู่ความรับกันแล้วสั่งงดสืบพยานพิพากษาให้โจทก์ชนะ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้สืบพยานที่ยังโต้เถียงกันอยู่ต่อไป แล้วพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกาว่า คำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลย จำเลยจะสืบหักล้างไม่ได้ หากจะสืบไปก็คงได้ความตามคำรับและคำแถลงเดิมนั่นเอง

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยยังโต้เถียงกันอยู่ถึงเหตุที่ต้องยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่พิพาท โจทก์ว่าเพราะจำเลยตกลงแบ่งที่พิพาทอันเป็นมรดกของมารดาให้โจทก์ ฝ่ายจำเลยว่าเพราะเหตุที่โจทก์ตกลงแลกเปลี่ยนเรือนของโจทก์กับที่พิพาทของจำเลยซึ่งถ้าหากข้อเท็จจริงเป็นดังข้อต่อสู้ของจำเลย ก็เป็นเรื่องตกลงแลกเปลี่ยนเรือนกับที่พิพาท หาใช่เป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองไม่ และศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมท้ายฟ้องมิได้ระบุถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยในการแบ่งที่พิพาทกันว่ามีอย่างไร จะให้กันเพราะเหตุใดนั้น เป็นพฤติการณ์เพียงคู่ความแสดงเจตนาว่าจะทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเท่านั้น ยังฟังไม่ได้ว่าคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน

ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ เป็นประเด็นที่ศาลจะต้องพิจารณาสืบพยานต่อไปว่าความจริงมีอยู่อย่างไร คำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมก็มิใช่เอกสารที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข) เพราะคำขอดังกล่าวไม่ใช่หนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความอันกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share