แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะเบิกความว่าโจทก์เป็นบุตรของถ. ตามสำเนาทะเบียนบ้านสำเนาทะเบียนนักเรียนใบสุทธิของโรงเรียนประชาบาลและใบสำคัญทหารนอกประจำการประเภทที่2และตามเอกสารดังกล่าวระบุว่าบิดาโจทก์ชื่อถ. ก็ตามแต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบอ้างอิงมายันจำเลยเท่านั้นจะถือตามเอกสารดังกล่าวโดยเด็ดขาดหาได้ไม่เพราะการที่ศาลรับฟังว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของถ.หรือไม่เป็นเรื่องที่ศาลต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของคู่ความทั้งสองฝ่าย โจทก์เบิกความยอมรับว่าถ. ไม่ใช่บิดาที่แท้จริงของโจทก์บิดามารดาที่แท้จริงของโจทก์คือน. กับก. การที่โจทก์ฎีกาว่าเหตุที่โจทก์เบิกความไปเช่นนั้นเพราะโจทก์ถูกข่มขู่จากบุคคลภายนอกก่อนเข้าเบิกความโจทก์รู้สึกกลัวและเกิดความประหม่าและฟังคำถามค้านทนายความจำเลยไม่ชัดเจนจึงตอบหลงผิดไปนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาเท่านั้นเมื่อเป็นข้อที่คู่ความไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนฎีกาข้อนี้ของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้วจำเลยไม่ยอมแบ่งที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของนายถิน โดยอ้างว่าโจทก์ไม่ใช่เป็นบุตรของนายถิน ขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสายทองแบ่งที่ดินโฉนดที่ 1475 และ 1480 ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่งหรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน250,000 บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เป็นบุตรของนายถินกับนางขี้มหรืองึ้ม เบ้าหล่อเพชร แต่เป็นบุตรของนายแน่นกับนางทองแก้ว ทาสีลา นายแน่นนำโจทก์มาให้นายถินเลี้ยงเป็นบุตรตั้งแต่โจทก์ยังเป็นเด็ก แต่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมโจทก์จึงไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของนายถิน ไม่มีสิทธิได้รับมรดกของนายถิน ขณะที่นายถินยังมีชีวิตอยู่ นายถินได้แบ่งที่ดินบ้าน วัว กระบือ และเกวียนให้แก่โจทก์ และยกที่ดินโฉนดที่ 1475และ 1480 ให้แก่นางสายทอง นางสายทองกับจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี โจทก์เคยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายถินโดยอ้างว่าเป็นบุตรของนายถินกับนางขึ้มหรืองึ้ม จำเลยยื่นคำคัดค้านว่าโจทก์ไม่ใช่บุตรของนายถินกับนางขึ้มหรืองึ้ม ก่อนศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายถิน นายถินถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2533โจทก์ยื่นคำฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2534 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายถินและมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมรดกของนายถินหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะเบิกความว่าโจทก์เป็นบุตรของนายถิน ตามสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนนักเรียนใบสุทธิของโรงเรียนประชาบาลและใบสำคัญทหารนอกประจำการประเภทที่ 2 เอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 และตามเอกสารดังกล่าวระบุว่า บิดาโจทก์ชื่อนายถิน เบ้าหล่อเพชร ก็ตามแต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบอ้างอิงมายันจำเลยเท่านั้นจะถือตามเอกสารดังกล่าวโดยเด็ดขาดหาได้ไม่ เพราะการที่ศาลรับฟังว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายถินหรือไม่เป็นเรื่องที่ศาลต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของคู่ความทั้งสองฝ่าย คดีนี้ โจทก์เบิกความตอบทนายความจำเลยถามค้านว่า โจทก์เคยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายถินจำเลยยื่นคำคัดค้าน ในวันนัดไต่สวนคำร้องครั้งแรกซึ่งมีการขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์ว่า โจทก์เป็นบุตรนายถินหรือไม่ โจทก์รับต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์ไม่ใช่บุตรของนายถิน ทั้งยังเบิกความต่อไปอีกว่า โจทก์ทราบภายหลังว่าบิดามารดาโจทก์ชื่อนายแน่นกับนางทองแก้ว ทาสีลา ตอนโจทก์เกิดนายแน่นกับนางทองแก้วทิ้งร้างกันนายแน่นพาโจทก์ไปให้นายถินเลี้ยงดูเป็นบุตร และนายถินมิได้จดทะเบียนรับโจทก์เป็นบุตรบุญธรรม ตามคำเบิกความของโจทก์ดังกล่าวแสดงว่าโจทก์ยอมรับว่านายถินไม่ใช่บิดาที่แท้จริงของโจทก์ บิดามารดาที่แท้จริงของโจทก์ คือนายแน่นกับนางทองแก้วโจทก์จึงไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของนายถินอันเป็นการเจือสมกับข้อนำสืบของจำเลยซึ่งจำเลยคัดค้านมาโดยตลอดตั้งแต่โจทก์ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายถินว่าโจทก์ไม่ใช่บุตรที่แท้จริงของนายถินที่โจทก์ฎีกาว่า เหตุที่โจทก์เบิกความไปเช่นนั้นเพราะโจทก์ถูกข่มขู่จากบุคคลภายนอกก่อนเข้าเบิกความ โจทก์รู้สึกกลัวและเกิดความประหม่า และฟังคำถามค้านทนายความจำเลยไม่ชัดเจนจึงตอบหลงผิดไปนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาเท่านั้น เมื่อเป็นข้อที่คู่ความไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ฎีกาข้อนี้ของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ และเมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากโจทก์ว่านายแน่นบิดาโจทก์ที่แท้จริงพาโจทก์ไปให้นายถินเลี้ยงดูเป็นบุตรตั้งแต่เด็ก ฉะนั้น แม้ตามเอกสารที่โจทก์อ้างส่งเป็นพยานต่อศาลจะระบุว่าบิดาโจทก์ชื่อนายถินก็หาใช่เป็นเรื่องผิดปกติไม่ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับนายถินทางพฤตินัยถือเสมือนเป็นบิดากับบุตร แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ยอมรับฟังได้ว่าโจทก์ไม่ใช่เป็นบุตรที่แท้จริงของนายถิน ทั้งนายถินก็มิได้รับรองโจทก์เป็นบุตรหรือจดทะเบียนรับโจทก์เป็นบุตรหรือบุตรบุญธรรมโจทก์จึงไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของนายถินไม่มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมรดกของนายถิน
พิพากษายืน