แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะ โจทก์และจำเลยต่างมีสิทธิใช้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย จำเลยใช้แผ่นคอนกรีตและดินปิดกั้นปากร่องน้ำของโจทก์ในส่วนที่ติดต่อกับลำเหมืองพิพาทเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าฟาร์มโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เมื่อลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะและโจทก์ทั้งสามมีสิทธิใช้ประโยชน์จากลำเหมืองดังกล่าว ทั้งจำเลยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะนำแผ่นคอนกรีตและดินไปปิดกั้นปากร่องน้ำของโจทก์ในส่วนที่ติดต่อกับลำเหมืองพิพาท การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
โจทก์ใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาทตามที่โจทก์มีสิทธิ และหากมีการแบ่งเฉลี่ยการใช้น้ำระหว่างโจทก์และจำเลยแล้ว โจทก์และจำเลยก็จะมีน้ำใช้เพียงพอทั้งสองฝ่าย ดังนี้ การที่โจทก์เปิดน้ำเข้าฟาร์มของโจทก์ในช่วงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นฤดูแล้ง มีน้ำน้อยไม่พอในการทำนาของราษฎร แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของโจทก์ตามควร อันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม ป.พ.พ.มาตรา 1355 จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 421
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องละเมิด กรณีที่จะไม่ต้องรับผิดในการกระทำละเมิดนั้น ต้องเป็นไปตามมาตรา 449 ถึง 452 แต่การกระทำของจำเลยไม่เข้ากรณีตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว