แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยให้จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนผู้ร้อง จำเลยย่อมมีฐานะเป็นตัวแทนของผู้ร้องและผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อ การที่จำเลยซึ่งมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาทนำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ ถือว่าผู้ร้องยอมให้จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของตนทำการออกหน้าเป็นตัวการในการจำนองที่ดินพิพาท ผู้ร้องจึงไม่อาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยซึ่งเป็นตัวแทน และโจทก์ขวนขวายได้มาแต่ก่อนที่รู้ว่าจำเลยเป็นตัวแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 806 การจำนองที่ดินพิพาทจึงมีผลผูกพันผู้ร้อง ไม่ว่าผู้ร้องจะทราบเรื่องการจดทะเบียนจำนองหรือไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 504,190.15 บาท พร้อมดอกเบี้ยกับค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนและค่าทนายความแทนโจทก์จำนวน 3,000 บาท หากจำเลยผิดนัดชำระหนี้ยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที และเมื่อขายทรัพย์จำนองแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ยินยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 26707 ตำบลมีชัย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเพื่อขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ โดยผู้ร้องให้จำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนผู้ร้อง จำเลยนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไปจำนองเป็นประกันการกู้เงินไว้แก่โจทก์โดยผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นยินยอม ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ถอนการยึดที่ดินพิพาทดังกล่าว
โจทก์ให้การว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลยซึ่งนำมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันการกู้เงินไว้แก่โจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
วันนัดสืบพยานผู้ร้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานแล้วพิพากษายกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ผู้ร้องฎีกาว่า ข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังเป็นยุติได้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหรือไม่ การที่จำเลยนำที่ดินพิพาทไปจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ผู้ร้องทราบหรือไม่ และโจทก์ทราบเรื่องการเป็นตัวแทนหรือไม่ ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับโดยให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของผู้ร้องและมีคำสั่งตามรูปคดีต่อไปนั้น เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำร้องของผู้ร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 26707 ตำบลมีชัย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย พร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยให้จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนผู้ร้องตามที่กล่าวอ้าง กรณีเช่นนี้ จำเลยย่อมมีฐานะเป็นตัวแทนของผู้ร้องและผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อ การที่จำเลยซึ่งมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาทนำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ ถือว่าผู้ร้องยอมให้จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของตนทำการออกหน้าเป็นตัวการในการจำนองที่ดินพิพาทดังกล่าว ผู้ร้องจึงไม่อาจจะทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยซึ่งเป็นตัวแทน และโจทก์ขวนขวายได้มาแต่ก่อนที่รู้ว่าจำเลยเป็นตัวแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 การจำนองที่ดินพิพาทที่จำเลยทำไว้แก่โจทก์จึงมีผลผูกพันผู้ร้อง ทั้งนี้ไม่ว่าผู้ร้องจะทราบเรื่องการจดทะเบียนจำนองหรือไม่ก็ตาม ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ทราบเรื่องจำเลยเป็นตัวแทนหรือไม่ อย่างไรนั้น ผู้ร้องมิได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวมาในคำร้อง จึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำร้อง ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธินำพยานหลักฐานมาสืบเพื่อสนับสนุนข้ออ้างดังกล่าว กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ไต่สวนคำร้องนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ