แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีข้อกำหนดห้ามโอนภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 58 ทวิ ได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินนั้นกับโจทก์ภายในกำหนดระยะเวลาห้ามโอน และจำเลยได้มอบการครอบครองที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันทำสัญญา แม้จะมีข้อตกลงให้โอนกันเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาห้ามโอนแล้วก็ตาม ถือได้ว่าเป็นการจงใจหลีกเลี่ยงข้อกำหนดระยะเวลาห้ามโอนตามประมวลกฎหมายที่ดิน จึงเป็นการอันมีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย สัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เดิม(มาตรา 150)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์ทำการฉ้อฉลโดยหลอกลวงให้จำเลยทำสัญญาซื้อขายที่ดินให้แก่โจทก์ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นหลักประกันในการจำนองที่ดินและสัญญาว่าจะไม่ฟ้องร้องจำเลยในเรื่องสัญญาซื้อขายดังกล่าว จำเลยจึงกระทำไปด้วยความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม และมิได้เป็นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลย สัญญาซื้อขายจึงตกเป็นโมฆะ ทั้งการทำสัญญาซื้อขายที่ดินมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิวรรคห้า และวรรคหก บัญญัติว่า “ภายในสิบปีนับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามวรรคหนึ่งห้ามมิให้บุคคลตามวรรคสอง (3) ซึ่งได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินดังกล่าวโอนที่ดินนั้นให้แก่ผู้อื่น เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกหรือโอนให้แก่ทบวงการเมืองหรือโอนให้แก่สหกรณ์เพื่อชำระหนี้และได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนสหกรณ์แล้ว ภายในกำหนดระยะเวลาห้ามโอนตามวรรคห้า ที่ดินนั้นไม่อยู่ในข่ายแห่งการบังคับคดี”
ตามบทบัญญัติดังกล่าว ห้ามบุคคลตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง(3)ผู้ได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินดังกล่าวโอนที่ดินนั้นให้แก่ผู้อื่นภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน โดยมีวัตถุประสงค์ให้บุคคลเช่นว่านั้นได้มีที่ดินไว้อยู่อาศัยและประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพตามควรแก่อัตภาพกับปกป้องบุคคลผู้ได้สิทธิในที่ดินเช่นว่านั้นให้มีที่ดินไว้อยู่อาศัยและทำกินเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี จะจำหน่ายจ่ายโอนด้วยประการใด ๆ มิได้ เว้นแต่ตกทอดทางมรดก แม้แต่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็ไม่มีสิทธิบังคับแก่ที่ดินเช่นว่านั้น
ดังนั้น การที่จำเลยผู้มีสิทธิในที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีข้อกำหนดห้ามโอนภายในสิบปีตามมาตรา 58 ทวิดังกล่าวได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินนั้นกับโจทก์ภายในกำหนดระยะเวลาห้ามโอน และข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยมอบการครอบครองที่ดินให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันทำสัญญา แม้จะมีข้อตกลงให้โอนเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาห้ามโอนแล้วก็ตาม ก็ถือได้ว่าเป็นการจงใจหลีกเลี่ยงข้อกำหนดระยะเวลาห้ามโอนตามประมวลกฎหมายที่ดินดังกล่าว จึงมีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย สัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 113 เดิม (มาตรา 150)
พิพากษายืน