คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินไว้กับโจทก์ โดยกำหนดวันโอนไว้แน่นอนแล้ว แต่ก่อนถึงกำหนดวันโอน จำเลยกลับเอาที่ดินไปขายแก่ผู้อื่นเสีย ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการผิดสัญญา โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาก่อนกำหนดได้ โดยจำเลยจะยกเงื่อนเวลามาเป็นประโยชน์แก่จำเลยไม่ได้
ในสัญญาจะซื้อขายที่ดินระบุไว้ว่า ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญายอมให้อีกฝ่ายหนึ่งเรียกค่าเสียหายได้ 6,000 บาท ดังนี้ ไม่แปลว่าเจ้าหนี้จะเรียกได้แต่เฉพาะค่าเสียหายเท่านั้นเจ้าหนี้อาจเลือกฟ้องขอให้ลูกหนี้ปฏิบัติตามสัญญาก็ได้ตามมาตรา 380 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(อ้างฎีกาที่ 131/2489)

ย่อยาว

ความว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินแก่โจทก์ จำเลยได้รับเงินมัดจำไว้แล้ว ตกลงจะไปโอนทะเบียนภายในเดือนมีนาคม 2490 ก่อนถึงวันโอน จำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินแปลงนี้แก่นายเหลียวและในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ จำเลยกับนายเหลียวได้ไปโอนขายณ หอทะเบียนที่ดิน โจทก์ไปร้องคัดค้านไว้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้อง เพราะยังไม่ถึงเวลาโอน และจำเลยมิได้ผิดนัด และว่าถ้าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ก็มีสิทธิเพียงเรียกค่าเสียหาย 6,000 บาท ตามสัญญาเท่านั้น จะฟ้องบังคับให้จำเลยโอนขายมิได้ ศาลล่างพิพากษาบังคับให้จำเลยโอนที่ดินกับโฉนดให้แก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยได้ทำสัญญาไว้กับโจทก์แน่นอนแล้วว่าจะไปโอนขายที่ดินแก่โจทก์ แต่ก่อนถึงวันโอน จำเลยกับเอาที่ดินไปโอนขายแก่ผู้อื่นเสีย จะว่าจำเลยไม่ละเมิดสัญญาอย่างไรจำเลยจะยกเงื่อนไขแห่งเวลามาเป็นประโยชน์แก่จำเลยไม่ได้

ส่วนข้อที่โจทก์ควรได้แต่ค่าเสียหายตามที่กำหนดไว้ในสัญญานั้น ปรากฏในสัญญาข้อ 5 ว่า “ถ้าฝ่ายใดประพฤติผิดสัญญาแล้วยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งนำสัญญาไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายแก่ฝ่ายผิดสัญญาเป็นเงิน 6,000 บาท” ความข้อนี้ยังไม่เป็นเหตุพอที่จะถือว่าถ้ามีการประพฤติผิดสัญญาแล้วเจ้าหนี้จะเรียกได้แต่เฉพาะค่าเสียหายเพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 บัญญัติให้เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ ดังที่โจทก์ฟ้องขอบังคับในคดีนี้

พิพากษายืน

Share