คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3790/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

หลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่และนัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 1 เป็นนัดแรก ทนายจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์โรงพยาบาล ร. มาแสดง ระบุว่าทนายจำเลยที่ 1 มีอาการปวดหลัง กล้ามเนื้ออักเสบ ประกอบกับทนายโจทก์ไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดีจึงน่าเชื่อว่าทนายจำเลยที่ 1 มีอาการป่วยจริง พฤติการณ์ถือได้ว่ามีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ จึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 14
ในวันนัดสืบพยานดังกล่าวทนายจำเลยที่ 1 มอบฉันทะให้ ป. เสมียนทนายมาศาลและมีอำนาจในการยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี กำหนดวันนัดพิจารณา ฟังคำสั่งและลงลายมือชื่อแทนทนายจำเลยที่ 1 เช่นนี้ ป. จึงมีฐานะเป็นคู่ความแล้ว มิใช่ไม่มีคู่ความฝ่ายจำเลยที่ 1 มาศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 200 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 14 ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณาจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย จำเลยทั้งสองไม่ให้การต่อสู้คดีและขาดนัดพิจารณาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ใหม่ และให้นัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 1 ในวันที่ 21 มีนาคม 2548 เวลา 9 นาฬิกา
ในวันนัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 1 ทนายจำเลยที่ 1 มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องว่า ทนายจำเลยที่ 1 ป่วย มีอาการปวดหลังเนื่องจากประสบอุบัติเหตุไม่สามารถมาศาลได้ ขอเลื่อนการพิจารณาออกไปสักนัดหนึ่ง ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ทนายจำเลยที่ 1 ป่วย และทนายโจทก์ไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดี แต่เนื่องจากไม่ได้ความว่าตัวจำเลยที่ 1 มีเหตุขัดข้องจนไม่สามารถมาศาลได้ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ขวนขวายเจรจาหาทางชำระหนี้หรือมีข้อเท็จจริงใด ๆ ว่ามีทรัพย์สินพอชำระหนี้ กรณีจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดี ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ และมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล ถือว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว และดำเนินการสืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก โจทก์แถลงหมดพยาน คดีเสร็จการพิจารณา
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 14 ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 เฉพาะค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ว่ามีเหตุควรอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ศาลล้มละลายกลางเคยมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เด็ดขาด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลล้มละลายกลางไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ในส่วนของจำเลยที่ 1 และนัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 1 ในวันที่ 21 มีนาคม 2548 เวลา 9 นาฬิกา เมื่อถึงวันนัดทนายโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 1 ไม่มาศาล แต่ทนายจำเลยที่ 1 มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นอ้างว่าทนายจำเลยที่ 1 ป่วยเนื่องจากประสบอุบัติเหตุมีอาการปวดหลังรายละเอียดปรากฏตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง ขอเลื่อนการพิจารณาคดีไปสักนัดหนึ่งก่อน ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน เห็นว่า หลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่และนัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 1 ในวันดังกล่าวเป็นนัดแรก ทนายจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยโดยมีใบรับรองของแพทย์โรงพยาบาลรัทรินทร์มาแสดงระบุว่าทนายจำเลยที่ 1 มีอาการปวดหลัง กล้ามเนื้ออักเสบ ประกอบกับทนายโจทก์ไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดี จึงน่าเชื่อว่าทนายจำเลยที่ 1 มีอาการป่วยจริง ไม่สามารถมาว่าความตามกำหนดนัดได้ พฤติการณ์ถือได้ว่ามีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ จึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดี ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น
อนึ่ง ในวันนัดสืบพยานดังกล่าวทนายจำเลยที่ 1 มอบฉันทะให้นายประวิตร แจ้งประจักษ์ เสมียนทนายมาศาลและมีอำนาจในการยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี กำหนดวันนัดพิจารณา ฟังคำสั่ง และลงลายมือชื่อแทนทนายจำเลยที่ 1 เช่นนี้นายประวิตรจึงเป็นผู้มีอำนาจกระทำแทนทนายจำเลยที่ 1 ตามใบมอบฉันทะดังกล่าว จึงมีฐานะเป็นคู่ความแล้ว มิใช่ไม่มีคู่ความฝ่ายจำเลยที่ 1 มาศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณาจึงไม่ชอบ”
พิพากษายกคำสั่งศาลล้มละลายกลางที่ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เด็ดขาดคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดี และคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณาให้ศาลล้มละลายกลางสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 1 ใหม่ แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลล้มละลายกลางรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่

Share