คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประเด็นสำคัญที่คู่ความท้ากันมีอยู่เพียงประการเดียวคือ ให้ฟังความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ออกไปรังวัดที่พิพาทว่าที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินที่ศาลได้ทำการขายทอดตลาดให้โจทก์หรือไม่ โดยคู่ความยืนยันรับรองว่าหากเขตที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินที่ศาลได้ทำการขายทอดตลาดให้โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้คดี หากอยู่นอกเขตโจทก์ก็ยอมแพ้ ดังนี้ เป็นเรื่องที่คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลประการหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นข้อแพ้ชนะกัน ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปทำการรังวัดและรายงานว่าที่พิพาทอยู่ในที่ของโจทก์ซึ่งประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาดอันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความตกลงท้ากันครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิจะโต้แย้งว่าจำเลยเข้าใจผิดในเรื่องเส้นทางสายโทรเลขเก่าว่าอยู่ทิศใดของที่พิพาทตามที่อ้างในคำร้องขอถอนคำท้าเพราะไม่มีประเด็นนี้ในค้าท้า และข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นอันยุติไปตามคำท้ากันนั้นแล้ว จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ซื้อที่ดิน ๑ แปลงมาจากการประมูลขายทอดตลาดของศาล ได้เข้าครอบครองเพื่อจะปลูกเรือน จำเลยทั้งสองเข้าแผ้วถางครอบครองขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า สวนที่โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกนั้น ความจริงเป็นที่สวนอีกแปลงหนึ่งตามแผนที่ท้ายคำให้การซึ่งเป็นของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ให้การว่าได้แผ้วถางที่ดินจำเลยที่ ๑
ในชั้นพิจารณา คู่ความท้ากันว่า ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีออกไปทำแผนที่พิพาทโดยทำการรังวัดตามแผนที่สังเขปที่นำยึดไวัในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๑๑/๐๖ แล้วให้เจ้าพนักงานผู้รังวัดแสดงที่พิพาทในคดีนี้ทำความเห็นประกอบว่าที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินที่ศาลได้ทำการขายทอดตลาดให้โจทก์หรือไม่ หากอยู่ในเขตที่ดินที่ศาลขายทอดตลาด จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าหากเจ้าพนักงานว่าอยู่นอกเขต โจทก์ยอมแพ้คดี
รุ่งขึ้นจากวันที่ตั้งประเด็นท้ากันดังกล่าว จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำท้า ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง ให้ดำเนินคดีไปตามคำท้า
เจ้าพนักงานบังคับคดีทำแผนที่ที่คู่ความท้ากัน รายงานว่า ได้วัดสอบตามแผนที่สับเขปท้ายบันทึกการยึดทรัพย์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๑๑/๒๕๐๖ แล้ว ปรากฏว่าที่พิพาทอยู่ในที่ของโจทก์ซึ่งประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินภายในเส้นสีน้ำเงินเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติพอที่จะชี้ขาดตามที่คู่ความตั้งประเด็นท้ากัน จะบังคับตามคำท้าไม่ได้ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี แต่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รายงานความเห็นยืนยันว่าที่พิพาทอยู่ในที่ของโจทก์ซึ่งประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาดตรงตามคำท้าทุกประการควรพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ประเด็นสำคัญที่คู่ความท้ากันมีอยู่เพียงประการเดียว คือ ให้ฟังความเห็นเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ออกไปรังวัดที่พิพาทว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินที่ศาลได้ทำการขายทอดตลาดให้โจทก์หรือไม่ โดยคู่ความยืนยันรับรองว่า หากเขตที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินที่ศาลได้ทำการขายทอดตลาดให้โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้คดีโจทก์ หากอยู่นอกเขตโจทก์ก็ยอมแพ้ ดังนี้ เป็นเรื่องที่คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลประการหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นข้อแพ้ชนะระหว่างกัน ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปทำการรังวัดและรายงานว่าที่พิพาทอยู่ในที่ของโจทก์ซึ่งประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาดของศาล อันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความท้ากันครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิจะโต้แย้งว่าจำเลยเข้าใจผิดในเรื่องเส้นทางสายโทรเลขเก่าว่าอยู่ทิศใดของที่พิพาทตามที่อ้างในคำร้องขอถอนคำท้า เพราะไม่มีประเด็นนี้ในคำท้า และข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นอันยุติไปตามคำท้ากันนั้นแล้ว จำเลยจึงเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share