คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินกับสำนักงานทรัพย์สินฯ 1 แปลงเป็นที่ดินซึ่งมีบ้านเรือนปลูกอยู่แล้ว นับตั้งแต่โจทก์ทำสัญญาเช่า ไม่ปรากฏว่าสำนักงานทรัพย์สินฯ ได้ส่งมอบที่ดินให้โจทก์ และโจทก์ยังไม่ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์หรือได้ครอบครองที่เช่านั้นในฐานะเป็นผู้เช่าแต่อย่างใด ดังนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้เจ้าของบ้านนั้นรื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่เช่าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายชื่นได้ขายฝากเรือนไม้ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ ไว้กับโจทก์มีกำหนด 1 ปี ครบกำหนดแล้วนายชื่นไม่ได้ไถ่คืน บ้านจึงตกเป็นของโจทก์และโจทก์ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินรายนี้จากสำนักงานทรัพย์สินฯ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2504

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2504 จำเลยได้ฟ้องโจทก์อ้างว่าเป็นเจ้าหนี้นายชื่น ขอใช้สิทธิของลูกหนี้ไถ่เรือนไม้ที่ขายฝากวันที่ 4 กันยายน 2504 โจทก์ตกลงประนีประนอมยอมให้จำเลยไถ่เรือนไม้ได้เป็นเงิน 18,000 บาท ต่อมาจำเลยใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้นายชื่นขายทอดตลาดเรือนพิพาทนี้ และจำเลยเป็นผู้ซื้อได้ ซื้อได้แล้วจำเลยไม่รื้อเรือนไปขอให้บังคับจำเลยรื้อเรือนออกไปจากที่ดินซึ่งโจทก์ได้เช่า

จำเลยให้การว่า ระหว่างที่จำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ไถ่เรือนไม้โจทก์ได้หลอกลวงสำนักงานทรัพย์สินฯ ว่าเรือนไม้ที่โจทก์รับซื้อฝากหลุดสิทธิขอเช่าที่ดิน สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้โจทก์เช่าที่ดินนั้น เมื่อโจทก์ไม่ได้แสดงความประสงค์ว่าจะให้จำเลยรื้อเรือนโจทก์ไม่สุจริต ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย

ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ยังไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์รับซื้อฝากเรือน โจทก์ก็ได้กรรมสิทธิ์แต่เฉพาะเรือนต่อมาเมื่อโจทก์ยอมให้จำเลยไถ่เรือน กรรมสิทธิ์ ของโจทก์ที่มีต่อเรือนไม้ก็หมดไป ในระหว่างที่โจทก์รับซื้อฝากเรือนไม้ โจทก์ยังไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่พิพาทและนับตั้งแต่โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทต่อสำนักงานทรัพย์สินฯ แล้ว ไม่ปรากฏว่าสำนักงานทรัพย์สินฯ ได้ส่งมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ เป็นเพียงทำสัญญาเช่ากันไว้เท่านั้น โจทก์ยังคงเป็นผู้ถือแต่สัญญาเช่า โจทก์ยังไม่ได้ใช้ หรือได้รับประโยชน์ หรือได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะเป็นผู้เช่าแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ยังไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาท โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

พิพากษายืน

Share