คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หนังสือพิมพ์ตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช 2484 มาตรา4 หมายความว่า สิ่งพิมพ์ซึ่งมีชื่อจ่าหน้าเช่นเดียวกัน และออกหรือเจตนาจะออกตามลำดับเรื่อยไป มีกำหนดระยะเวลาหรือไม่ก็ตาม มีข้อความต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ตาม ประกอบกับใบอนุญาตซึ่งเจ้าพนักงานการพิมพ์ออกให้โจทก์นั้นระบุไว้ชัดว่า อนุญาตให้โจทก์เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกบิสิเนสเยลโล่เพจเจ็ส และหนังสือพิมพ์สมุดธุรกิจเยลโล่เพจเจ็สอีกหลายฉบับ ซึ่งออกเป็นรายปี ดังนี้ สมุดธุรกิจต่าง ๆ ของโจทก์จึงเป็นหนังสือพิมพ์ตามความหมายของพระราชบัญญัติดังกล่าว กระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ตามที่ระบุไว้ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 48.01 ค. หมายถึงชนิดของกระดาษ หาได้หมายถึง วัตถุประสงค์ในการใช้กระดาษไม่ การที่จะพิจารณาว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์หรือไม่ต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ชื่อที่เรียก คุณสมบัติลักษณะจุดมุ่งหมายในการใช้ ฯลฯ สินค้าพิพาทมีชื่อว่ากระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ชนิดเบาจากประเทศแคนาดา คุณสมบัติและลักษณะเหมือนกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์โดยทั่วไป โจทก์มีวัตถุประสงค์นำไปใช้พิมพ์สมุดธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ชนิดหนึ่ง ดังนี้สินค้าพิพาทจึงเป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์และอยู่ในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ 48.01 ค.(1) ทั้งนี้เพราะกระดาษพิพาทมีน้ำหนักเพียง 36 กรัมต่อตารางเมตร ซึ่งไม่เกิน55 กรัมต่อตารางเมตร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำเข้ากระดาษเพื่อใช้ในการพิมพ์สมุดธุรกิจจากประเทศแคนาดาเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นกระดาษที่ใช้พิมพ์หนังสือพิมพ์ชนิดน้ำหนักเบา น้ำหนักสามสิบหกกรัมต่อหนึ่งตารางเมตรแจ้งว่าเป็นสินค้าพิกัดประเภทที่ 48.01 ค.(1) แต่จำเลยที่ 1 ตรวจกระดาษพิพาทแล้วเห็นว่าเป็นสินค้าพิกัดประเภทที่ 48.01 ง. จึงประเมินเรียกเก็บอากรขาเข้า ขาออก ภาษีการค้า และภาษีสรรพสามิตเพิ่มเติมพร้อมเงินเพิ่มโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เป็นการกระทำละเมิดทำให้โจทก์เสีย ขอให้เพิกถอนคำสั่งประเมินอากรของจำเลยให้จำเลยคืนเงินค่าอากรพร้อมดอกเบี้ยและใช้ค่าเสียหาย จำเลยทั้งสองให้การว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลภาษีอากรกลาง จำเลยกระทำการโดยสุจริต สินค้าของโจทก์ก็ไม่จัดเข้าในพิกัดที่จะถือว่าเป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์พิกัดที่ 48.01 ค.แต่เป็นพิกัดที่ 48.01 ง. ฟ้องโจทก์ส่วนที่เรียกค่าเสียหายเคลือบคลุมศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งประเมินอากรของจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินภาษีอากรพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่า สินค้าพิพาทอยู่ในพิกัดประเภทที่ 48.01 ค.(1) หรือประเภทที่ 48.01 ง.
ที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าสินค้าพิพาทของโจทก์นั้น โจทก์นำเข้ามาเพื่อใช้พิมพ์สมุดธุรกิจมิใช่เพื่อใช้พิมพ์หนังสือพิมพ์โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์รายวันแต่อย่างใด จึงมิใช่กระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ ต้องชำระภาษีอากรในพิกัดประเภทที่ 48.01 ง. อัตราอากรร้อยละ 35 หรือกิโลกรัมละ 3.20 บาทนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช 2484 มาตรา 4 หนังสือพิมพ์หมายความว่า สิ่งพิมพ์ซึ่งมีชื่อจ่าหน้าเช่นเดียวกันและออกหรือเจตนาจะออกตามลำดับเรื่อยไป มีกำหนดระยะเวลาหรือไม่ก็ตามมีข้อความต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ตามสำเนาใบอนุญาตท้ายฟ้องซึ่งเจ้าพนักงานการพิมพ์สำหรับจังหวัดกรุงเทพมหานครออกให้โจทก์นั้นก็ระบุไว้ชัดว่าอนุญาตให้โจทก์เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกบิสิเนสเยลโล่เพจเจ็สไดเรคตอรี่ หนังสือพิมพ์สมุดธุรกิจเยลโล่เพจเจ็ส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หนังสือพิมพ์สมุดธุรกิจเยลโล่เพจเจ็สภาคเหนือ หนังสือพิมพ์สมุดธุรกิจเยลโล่เพจเจ็สเขตนครหลวง ฯลฯ ซึ่งออกเป็นรายปี ดังนั้นสมุดธุรกิจต่าง ๆ ของโจทก์จึงเป็นหนังสือพิมพ์ตามความหมายของพระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช 2484 สินค้าพิพาทของโจทก์นั้นโจทก์สั่งเข้ามาเพื่อพิมพ์สมุดธุรกิจดังกล่าวของโจทก์ จึงเป็นการสั่งเข้ามาเพื่อใช้พิมพ์หนังสือพิมพ์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นที่จำเลยทั้งสองอ้างว่า โจทก์สั่งสินค้าพิพาทเข้ามามิใช่เพื่อใช้พิมพ์หนังสือพิมพ์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
สำหรับพิกัดอัตราอากรขาเข้าที่ใช้อยู่ในขณะที่โจทก์นำสินค้าพิพาทเข้ามาในราชอาณาจักรนั้น ต้องเป็นไปตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ 45) พ.ศ. 2528 ตามบัญชีดังกล่าวประเภทที่ 48.01 ระบุว่า กระดาษและกระดาษแข็ง (รวมทั้งเซลลูโลสแวดดิ้ง) ทำด้วยเครื่องจักรทั้งที่เป็นม้วนและเป็นแผ่นก. เซลลูโลสแวดดิ้ง ข. กระดาษมวนบุหรี่ ค. กระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ (นิวสพริ้นท์) (1) น้ำหนักไม่เกินห้าสิบห้ากรัมต่อหนึ่งตารางเมตร อัตราอากรกิโลกรัมละ 0.33 บาท (2) น้ำหนักเกินกว่าห้าสิบห้ากรัมต่อหนึ่งตารางเมตร อัตราอากรร้อยละสามสิบหรือกิโลกรัมละ 2.50 บาท ง. อื่น ๆ อัตราอากรร้อยละสามสิบห้าหรือกิโลกรัมละ 3.20 บาท จะเห็นได้ว่าประเภทที่ 48.01 ค. เสียค่าอากรน้อยกว่าประเภทที่ 48.01 ง. และในระหว่างประเภทที่ 48.01 ค.ด้วยกันแล้ว ประเภทที่ 48.01 ค. (1) เสียอากรในอัตราที่ต่ำกว่าประเภทที่ 48.01 ค. (2) หลายเท่า ทั้ง ๆ ที่เป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ (นิวสพริ้นท์) ด้วยกัน ซึ่งแสดงว่า กระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์นั้น ถ้าน้ำหนักมากคือเกินห้าสิบห้ากรัมต่อหนึ่งตารางเมตร ก็จะเสียค่าอากรสูงกว่ากระดาษที่มีน้ำหนักน้อยคือน้ำหนักไม่เกินห้าสิบห้ากรัมต่อหนึ่งตารางเมตร อนึ่ง จะเห็นได้ว่ากระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ตามที่ระบุในประเภทที่ 48.01 ค.นั้น หมายถึงชนิดของกระดาษหาได้หมายถึงวัตถุประสงค์ในการใช้กระดาษไม่ กล่าวคือ หากเป็นกระดาษชนิดสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์แล้วไม่ว่าผู้นำเข้าจะนำไปใช้ทำอะไร หรือนำไปขายต่อกระดาษนั้นก็คงเป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์อยู่นั่นเองแต่ถ้าไม่เป็นกระดาษชนิดสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์แม้ผู้นำเข้าจะนำไปใช้พิมพ์หนังสือพิมพ์ก็หาทำให้เป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ไม่ ดังนั้น วัตถุประสงค์ที่โจทก์นำสินค้าพิพาทไปใช้จึงไม่บ่งชี้ชัดแจ้งว่าสินค้าพิพาทเป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือหรือไม่ การที่จะพิจารณาว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้านี้เป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์หรือไม่ จึงต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายประการเช่นชื่อที่เรียก คุณสมบัติ ลักษณะ จุดมุ่งหมายในการใช้ ฯลฯสำหรับชื่อของสินค้าพิพาทนั้นมีชื่อว่ากระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ชนิดเบาของประเทศแคนาดา(คาเนเดียนไลท์เวทนิวสพริ้นท์) ดังนั้น ชื่อของสินค้าพิพาทจึงระบุชนิดว่าเป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ส่วนคุณสมบัติและลักษณะของสินค้าพิพาทนั้น ปรากฏตามภาพถ่ายรายงานการตรวจวิเคราะห์ทดสอบ ของนางสาวดวงใจ วิบูลย์ธนภัณฑ์ นักวิทยาศาสตร์ 5ของกรมวิทยาศาสตร์บริการ ซึ่งส่งไปยังจำเลยที่ 1 หมาย จ.11 ว่าสินค้าพิพาทเป็นกระดาษเหมาะสำหรับพิมพ์สมุดรายงานผู้ใช้โทรศัพท์และสิ่งตีพิมพ์ต่าง ๆ ที่ต้องการใช้กระดาษบางและราคาถูกทำจากเยื่อไม้บดเป็นส่วนใหญ่ มีความหนาแน่นเหมือนและการดูดซึม น้ำมันในระดับเดียวกับกระดาษนิวสพริ้นท์ ฯลฯ จึงเห็นได้ว่าคุณสมบัติและลักษณะของกระดาษพิพาทนั้นเหมือนกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์โดยทั่วไป ส่วนในเรื่องวัตถุประสงค์ในการใช้กระดาษนั้นได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า โจทก์นำกระดาษพิพาทไปใช้พิมพ์สมุดธุรกิจต่าง ๆของโจทก์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ชนิดหนึ่ง เมื่อสินค้าพิพาทของโจทก์มีชื่อเรียกเป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ มีคุณสมบัติและลักษณะเป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ ทั้งโจทก์นำไปใช้ในการพิมพ์หนังสือพิมพ์ของโจทก์ด้วยเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าสินค้าพิพาทเป็นกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์และอยู่ในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ 48.01 ค.(1) ทั้งนี้เพราะกระดาษพิพาทมีน้ำหนักเพียงสามสิบหกกรัมต่อหนึ่งตารางเมตร ซึ่งไม่เกินห้าสิบห้ากรัมต่อหนึ่งตารางเมตร สำหรับประกาศกรมศุลกากรเรื่องแจ้งอัตราอากรตามสำเนาประกาศหมาย จ.19 ซึ่งระบุว่า กระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์ (นิวสพริ้นท์) ต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 40 กรัมต่อหนึ่งตารางเมตร นั้น ก็ปรากฏว่าประกาศดังกล่าวลงวันที่20 สิงหาคม 2529 หลังจากโจทก์นำสินค้าพิพาทเข้ามาในราชอาณาจักรจึงไม่มีผลใช้บังคับในคดีนี้ได้ คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share