คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 4 เป็นพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 1 สาขาลำพูนทราบดีว่า สำนักงานสาขาลำพูนของบริษัทจำเลยที่ 1ไม่มีเงินทุนดำเนินการ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้นำเงินค้ำประกันการเข้าทำงาน ของพนักงานมาจ่าย แต่จำเลยที่ 4 ก็ยังดำเนินการรับสมัครงานตลอดมาตามพฤติการณ์จำเลยที่ 4ย่อมทราบดีว่าบริษัทจำเลยที่ 1 ไม่มีงานการรับสมัครพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 1 สาขาลำพูนดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ได้เงินประกันการเข้าทำงาน ซึ่งจำเลยที่ 4ก็ยังคงดำเนินการให้การหลอกลวงนั้นบรรลุผล เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่บริษัทจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 กระทำผิดจำเลยที่ 4 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 343, 83 และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนเงินจำนวน179,000 บาท แก่ผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การรับสารภาพจำเลยที่ 3 ที่ 4 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343, 83 ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 หนึ่งหมื่นบาท แม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ แต่โทษปรับตามกฎหมายน้อยอยู่แล้ว จึงไม่สมควรลดให้สำหรับจำเลยที่ 2 จำคุก 5 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพให้ความรู้แก่ศาลเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก3 ปี 4 เดือน สำหรับจำเลยที่ 3 ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยที่ 4ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ข้อนำสืบของจำเลยที่ 3 ที่ 4 ให้ความรู้แก่ศาลเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 2 ปี จำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 1 ปีให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนเงินจำนวน 179,000 บาทแก่ผู้เสียหายจำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาหากมีโทษจำคุกขอให้รอการลงโทษ จำเลยที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องหรือลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ลงโทษปรับเป็นเงิน 9,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 6,000 บาท จำเลยที่ 3และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 86 ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ข้อนำสืบของจำเลยที่ 3 และที่ 4ให้ความรู้แก่ศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยที่ 4 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่ยุติแล้วฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมีจำเลยที่ 2เป็นกรรมการผู้จัดการ จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการภาค จำเลยที่ 4เป็นพนักงานการเงิน สาขาลำพูน ตามวันและเวลาเกิดเหตุบริษัทจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน โดยส่งพนักงานออกไปชักชวนประชาชนให้มาสมัครทำงานกับจำเลยที่ 1 และปิดประกาศรับสมัครไว้หน้าที่ทำการของบริษัทจำเลยที่ 1 สาขาลำพูน ซึ่งความจริงแล้วจำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาจะรับคนเข้าทำงาน และไม่มีงานให้ทำแต่เป็นแผนการที่จะหลอกลวงเอาเงินค่าค้ำประกันการเข้าทำงาน ผู้เสียหายในคดีนี้ทั้ง 18 คนหลงเชื่อคำหลอกลวงดังกล่าวจึงสมัครเข้าทำงานกับบริษัทจำเลยที่ 1สาขาลำพูน และวางเงินค้ำประกันการทำงานกับบริษัทจำเลยที่ 1สาขาลำพูน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 179,000 บาท ต่อมาผู้เสียหายเหล่านี้ลาออกแต่ไม่ได้เงินค้ำประกันคืน จำเลยที่ 3 และที่ 4เป็นพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 1 ที่ดำเนินการรับสมัครพนักงานดังกล่าว มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 4 ว่า จำเลยที่ 4ได้สนับสนุนให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำผิดฐานฉ้อโกงตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามทางนำสืบของคู่ความทั้งสองฝ่ายได้ความว่า จำเลยที่ 4 ทราบดีว่าที่สำนักงานสาขาลำพูนของบริษัทจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินทุนดำเนินงาน ทางสำนักงานใหญ่ไม่ส่งเงินไปให้เลย ค่าเช่าอาคารสำนักงาน เงินเดือนพนักงานอุปกรณ์เครื่องใช้ในสำนักงาน เช่นค่าโต๊ะ เก้าอี้ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้นำเอาเงินค้ำประกันการเข้าทำงานของพนักงานมาใช้จ่ายทั้งสิ้นและทราบว่าจำเลยที่ 2 เอาเงินดังกล่าวจากสาขาลำพูนไปด้วย แต่จำเลยที่ 4 ก็ยังดำเนินการรับสมัครพนักงานตลอดมา นางสาวสายฝน อุตตระพยอม และนางสาววิภาสุทธโทธน ผู้เสียหายคดีนี้ซึ่งเป็นผู้ทำบัญชีเบิกความสอดคล้องต้องกันฟังได้ว่าที่สาขาลำพูนมีแต่งานบัญชีงานอื่นไม่มีให้ทำแต่ก็ยังรับพนักงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การทำบัญชีพบว่าสำนักงานสาขาลำพูนส่งเงินค้ำประกันการทำงานดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 2ที่กรุงเทพมหานครประมาณ 50,000 บาท ในช่วงเดือนเมษายน 2527ฐานะของจำเลยที่ 1 สาขาลำพูนไม่ดี บัญชีรายจ่ายของสำนักงานก็ถูกจำเลยที่ 4 สั่งให้ลบและแก้ไขบ่อย ๆ ในระยะหลัง ๆ นี้ไม่มีเงินเหลือส่งเข้าสำนักงานใหญ่เลย นางสาวอุบลพรรณ วรรณรัตน์ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งก็เบิกความว่า หลังจากสมัครเข้าทำงานแล้วสาขาลำพูนไม่มีงานให้ทำ นางสาวอุบลพรรณเคยถามจำเลยที่ 4ก็ได้รับคำตอบว่า ให้รอไปก่อนต่อไปคงมีงานทำ แต่ก็เห็นมีการรับสมัครพนักงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยที่ 4 ย่อมทราบดีว่า บริษัทจำเลยที่ 1 ไม่มีงานการรับสมัครพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 1 สาขาลำพูนดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ได้เงินประกันการเข้าทำงานแต่จำเลยที่ 4 ก็ยังคงดำเนินการให้การหลอกลวงนั้นบรรลุผลข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 4 ให้การช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ในการกระทำผิดคดีนี้ จำเลยที่ 4จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 4 มิได้เป็นผู้สนับสนุนให้กระทำผิด แต่จำเลยที่ 4ป้องกันผลประโยชน์ของประชาชนและผู้เสียหายคดีนี้เป็นต้นว่าได้จ่ายเงินเดือนให้พนักงานสาขาลำพูน และจำเลยที่ 4 ไม่เคยประกาศหรือโฆษณาชักชวนผู้เสียหายมาทำงานกับบริษัทจำเลยที่ 1เลยนั้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 4 ดังกล่าวก็หาทำให้จำเลยที่ 4 พ้นความรับผิดไปได้ ฎีกาของจำเลยที่ 4 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ที่จำเลยที่ 4 ฎีกาอีกว่า หากศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ 4 มีความผิดก็ขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษนั้นเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจในการลงโทษเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้วไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข”
พิพากษายืน

Share