แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หญิงมีสามีไปทำสัญญาค้ำประกันโดยมิได้รับอนุญาตจากสามี นิติกรรมนั้นไม่ผูกพันสินบริคณห์ ม.41 นั้นบัญญัติฉะเพาะเรื่องหญิงมีสามีได้รับอนุญาตจากสามีให้ ทำการค้าแยกเป็นส่วนหนึ่งต่างหากแล้วหนี้สินเกิดจากการค้านั้นผู้พันสินบริคณห์ฉะเพาะส่วนของหญิง
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นภรรยาผู้ร้องได้ทำยอมต่อศาลใช้ต้นเงินแลดอกเบี้ยให้ โจทก์เป็นเงิน ๑๑๒๑ บาทเศษ ในฐานเป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ โจทก์จึงนำยึดโรงสีไฟซึ่งเป็นสินบริคณห์ระวางจำเลยที่ ๒ กับผู้ร้อง
ศาลเดิมตัดสินว่าการที่จำเลยที่ ๒ ไปทำสัญญานั้นผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงให้ถอนการยึด
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตาม ม.๓๘ แห่งประมวลแพ่ง หญิงมีสามีจะทำนิติกรรมใด ๆ ย่อมสมบูรณ์ตามกฎหมาย แต่ไม่ผูกพันสินบริคณห์เมื่อมิได้รับอนุญาตจากสามี ดังนั้นกฎหมายจึงบัญญัติว่าเป็นโมฆียะ ถ้าสามีให้สัตยาบันภายหลังแล้ว นิติกรรมนั้นก็สมบูรณ์ในสินบริคณห์ ส่วน ม.๔๑ วรรคสุดท้ายนั้นเป็นบทบัญญัติในเรื่องที่หญิงได้รับอนุญาตจากสามีให้ทำกิจการค้าขายแยกเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก คือถ้าหญิงมีหนี้สินเกิดขึ้นเนื่องตากกิจการค้าดังว่าไว้ในวรรค ๑ แล ๒ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดสินบริคณห์ได้ฉะเพาะที่เป็ฯส่วนของหญิง คดีนี้จำเลยที่ ๒ หาได้เป็นหนี้โจทก์ในการค้าขายไม่ แลเมื่อไม่ได้รับอนุญาตจากสามีในการที่ทำสัญญาประกันแล้ว นิติกรรมนั้นจึงไม่ผู้พันสินบริคณห์ แลตัดสินยืนตามศาลเดิม