คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3775/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ผลิตสินค้าแผ่นพลาสติกดูราฟลอร์ซึ่งเป็นแผ่นพี.วี.ซี.หรือแผ่นพลาสติกนิ่มเพื่อให้ผู้ใช้สินค้านำไปใช้ประโยชน์เป็นวัสดุสำหรับปูพื้นอาคารและปิดผนังอาคารโดยเฉพาะ หาได้มีความประสงค์จะให้ใช้เป็นสินค้าประเภทอื่นไม่การที่มีผู้นำสินค้าที่โจทก์ผลิตไปใช้ประกอบเป็นสินค้าอื่น เช่น รองเท้า กระเป๋าที่รองจานเป็นเพียงผลพลอยได้นอกเหนือจากความประสงค์ของโจทก์เท่านั้นสินค้าของโจทก์จึงจัดเป็นวัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือนเข้าลักษณะสิ่งปูลาดตามความหมายในหมวด 4(7) บัญชี 1 ท้าย พ.ร.ฎ. ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า(ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 มิใช่ประเภทผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับหรือเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์เครื่องแต่งกายในหมวด 2(2)จึงไม่ได้รับการลดหย่อนภาษีการค้าตาม พ.ร.ฎ. ดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้ประเมินภาษีการค้าโจทก์เพิ่มจากที่โจทก์เสียไว้จำนวน 1,756,635 บาท อ้างว่าโจทก์เสียภาษีไว้ผิดอัตรา โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยลดเบี้ยปรับและรายได้ส่วนท้องถิ่นให้โจทก์คงเหลือภาษีที่เรียกเก็บจำนวน1,350,975.56 บาท โจทก์เห็นว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ถูกต้อง ทั้งเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยมิได้ออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนไปยังโจทก์ก่อนจึงเป็นการไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนการประเมิน ให้งดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
จำเลยให้การว่า การประเมินภาษีการค้าและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนชี้สองสถาน ศาลภาษีอากรกลางได้ให้ผู้เชี่ยวชาญจากกรมโยธาธิการและผู้เชี่ยวชาญฝ่ายโจทก์มาให้ความเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สินค้าของโจทก์แล้ว เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนการประเมิน
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์ประกอบกิจการค้าสินค้าประเภทพลาสติกรวมตลอดถึงยางเทียม สิ่งทำเทียมวัตถุหรือสินค้าดังกล่าวโดยกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ สำหรับสินค้าพิพาทเป็นแผ่นพลาสติกดูราฟลอร์ที่โจทก์ผลิตขึ้นด้วยวัตถุปิโตรเคมีและสารประกอบเคมีอีกหลายชนิดซึ่งนำมาสังเคราะห์เป็นแผ่น พี.วี.ซี. หรือแผ่นพลาสติกนิ่มมีขนาดกว้างประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 20-30 เมตร สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ปูพื้น ปิดฝาผนัง และสามารถใช้ทำรองเท้ากระเป๋าถือ แผ่นรองจาน ฯลฯ เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ประเมินและวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินแล้วให้โจทก์เสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 9 ของรายรับตามบัญชีภาษีการค้าประเภทการค้า 1 การขายของ ชนิด 1(ก) ในประมวลรัษฎากรโดยจัดสินค้าโจทก์เป็นวัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือนประเภทสิ่งปูลาดเข้าในหมวด 4(7) บัญชี 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54)พ.ศ. 2517 แต่โจทก์โต้แย้งว่าสินค้าของโจทก์เป็นพลาสติกเป็นผืนประเภท ผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับ หรือเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์เครื่องแต่งกายเข้าในหมวด 2(2) ตามบัญชีที่ 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกา ดังกล่าวซึ่งต้องเสียภาษีการค้าเพียงอัตราร้อยละ7 ของรายรับ ตามมาตรา 8(11) แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 179)พ.ศ. 2519 ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยมีว่าการประเมินภาษีการค้าของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าผลิตภัณฑ์สินค้าของโจทก์ตามสภาพที่เป็นแผ่น พี.วี.ซี. หรือแผ่นพลาสติกนิ่มมีความเหนียวแน่นทนทานมีขนาดความกว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 20-30 เมตร หนาประมาณ 1 ถึง 1.5 มิลลิเมตร เมื่อได้พิจารณาประกอบคำโฆษณาสินค้าของโจทก์ท้ายคำให้การของจำเลยว่าเป็นวัสดุปูพื้นดูราฟลอร์ ซึ่งมีคุณภาพพื้นนุ่มเพื่อสุขภาพ และคำเบิกความของนายอนุกูล เย็นสุดใจ เจ้าหน้าที่บริหารงานกองสถาปัตยกรรม กรมโยธาธิการ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลว่าผลิตภัณฑ์สินค้าโจทก์มีการนำไปใช้ในการก่อสร้างประมาณร้อยละ90 แล้ว บ่งชี้ให้เห็นว่า เป็นสินค้าที่โจทก์ผลิตขึ้นมาด้วยความประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้สินค้านำไปใช้ประโยชน์เป็นวัสดุสำหรับปูพื้นอาคารและปิดผนังอาคารโดยเฉพาะ หาได้มีความประสงค์จะให้ใช้เป็นสินค้าประเภทอื่นไม่ การที่มีผู้นำไปใช้เป็นสินค้า เช่นรองเท้า กระเป๋า ที่รองจาน เป็นเพียงผลพลอยได้ที่นอกเหนือจากความประสงค์ของโจทก์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเท่านั้น สินค้าของโจทก์จึงจัดเป็นวัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือนเข้าลักษณะสิ่งปูลาดตามความหมายในหมวด 4(7) บัญชี 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า(ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 ซึ่งมิได้รับการลดหย่อนภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวนี้แต่อย่างใด การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลย ศาลฎีกาแผนกภาษีอากรไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.

Share