คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3771/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ แล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันช่วยพาเอาไปเสียโดยนำขึ้นรถยนต์เคลื่อนที่จากท้องที่ตำบลก้อไปยังตำบลลี้ ตามฟ้องดังกล่าวโจทก์บรรยายชัดว่าจำเลยทั้งสองมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง แม้จะไม่ระบุว่านำไม้แปรรูปดังกล่าวมาในรูปโต๊ะจำเลยก็สามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โต๊ะของกลางทำด้วยไม้สักซึ่งมีค่าราคาสูงแต่ทำอย่างหยาบดูจากภายนอกมีลักษณะเป็นเครื่องใช้แต่ก็สามารถถอดออกเป็นชิ้น ๆได้ไม่ยาก ปริมาตรเนื้อไม้มีจำนวนมากถึง 0.149 ลูกบาศก์เมตรแม้โต๊ะตามภาพถ่ายที่จำเลยอ้างเป็นโต๊ะเช่นเดียวกับโต๊ะของกลางซึ่งมีใช้เป็นปกติอยู่ทั่วไปในท้องที่เกิดเหตุ โต๊ะดังกล่าวก็ทำอย่างหยาบ ๆ แสดงว่าไม่ได้มีไว้เพื่อใช้อย่างแท้จริง เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย โต๊ะของกลางจึงถือได้ว่าเป็นไม้แปรรูป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 5, 7, 48, 70, 73, 74, 74ทวิ, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ริบของกลาง บวกโทษจำเลยที่ 2 ในคดีนี้กับคดีที่รอไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 68/2531 ของศาลชั้นต้น และขอให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2 รับว่า เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 1 ในคดีที่โจทก์ขอให้นำโทษมาบวก
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 5, 7, 47 (ที่ถูกน่าจะเป็นมาตรา 48),73 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปีบวกโทษจำคุก 1 ปี ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 68/2531ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปีจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี ริบของกลาง สำหรับคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับนั้นศาลไม่ได้พิพากษาลงโทษปรับจึงยกคำขอในส่วนนี้ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้สักแปรรูปอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. จำนวน 19 แผ่น ปริมาตร 0.149 ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครอง ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ แล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันช่วยพาเอาไปเสีย โดยนำไม้สักจำนวนและปริมาตรดังกล่าวนำขึ้นรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม-0683 ลำพูน นำเคลื่อนที่จากท้องที่ตำบลก้อ อำเภอลี้ ไปยังตำบลลี้ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนเห็นว่าตามฟ้องดังกล่าวโจทก์ได้บรรยายชัดว่าจำเลยทั้งสองมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง แม้จะไม่ระบุว่านำไม้แปรรูปดังกล่าวมาในรูปโต๊ะ จำเลยที่ 1 ก็สามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ในปัญหาที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โต๊ะของกลางเป็นไม้แปรรูปหรือเครื่องใช้ที่ชอบด้วยลักษณะของเครื่องใช้ที่ใช้เป็นปกติในท้องที่และไม่ผิดปกติวิสัย เห็นว่า โต๊ะของกลางทำอย่างหยาบดูจากภายนอกมีลักษณะเป็นเครื่องใช้แต่ก็สามารถถอดออกเป็นชิ้น ๆได้ไม่ยากและมีปริมาตรเนื้อไม้ 0.149 ลูกบาศก์เมตร นับว่ามีปริมาตรเนื้อไม้มาก ประกอบกับโต๊ะของกลางทำด้วยไม้สักซึ่งมีค่าราคาสูงแม้โต๊ะเช่นเดียวกับของกลางมีใช้เป็นปกติอยู่ทั่วไปในท้องที่เกิดเหตุ ปรากฏตามภาพถ่ายที่จำเลยที่ 1 อ้าง โต๊ะดังกล่าวก็ทำอย่างหยาบ ๆ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีไว้เพื่อใช้อย่างแท้จริงและเพราะเหตุใดชาวบ้านจึงสร้างโต๊ะเช่นเดียวกับโต๊ะของกลางและใช้ไม้สักซึ่งมีค่าราคาสูงและหายากทำ เหตุใดจึงไม่ใช้ไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามทำ จึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัย โต๊ะของกลางถือได้ว่าเป็นไม้แปรรูป จำเลยที่ 1 ครอบครองโต๊ะของกลางอยู่จึงเป็นผู้ครอบครองไม้แปรรูป
พิพากษายืน

Share