คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ฯ ซึ่งได้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตลอดเขตท้องที่ทุกจังหวัด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง การแปรรูปไม้หรือมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง ณ ที่ใด ภายในราชอาณาจักรถือเป็นความผิดทั้งสิ้น สำหรับในท้องที่เกิดเหตุจำเลยแถลงยอมรับว่า ม. ป่าไม้อำเภอ และ จ. กำนันได้ดำเนินการปิดประกาศเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบแล้วและจำเลยมิได้นำสืบปฏิเสธความข้อนี้ จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ทราบประกาศกระทรวงเกษตรดังกล่าวแล้ว
พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ฯ มาตรา 8 บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้มีหลักเขตและป้ายหรือเครื่องหมายอื่นแสดงไว้เพื่อให้ประชาชนได้ทราบว่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ การที่ทางกระทรวงเกษตรแจ้งให้ทางอำเภอ กำนันและผู้ใหญ่บ้าน แจ้งให้ราษฎรในท้องที่ทราบถึงเขตของอุทยานแห่งชาติ ฯ โดยไม่ปรากฏว่าได้มีการปักหลักเขต ติดป้ายหรือเครื่องหมายอื่นใดที่พอแสดงให้ทราบอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติดังกล่าว จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้ทราบว่า ท้องที่ซึ่งตนกระทำความผิดนั้นอยู่ในอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกันตัดฟันไม้สักและไม้มะค่าโมงอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ในบริเวณป่าแม่สิน ฯลฯ อันอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และมีไม้มะค่าโมงยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔, ๗, ๑๑, ๔๘, ๖๘, ๗๓, ๗๔, ๗๔ ทวิ, ๗๔ จัตวา ที่แก้ไขแล้ว ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑๖ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๑ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๑๖, ๒๔ พระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินบริเวณป่าแม่สินฯลฯให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔,๙๑
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๘ ให้การรับสารภาพในข้อหาร่วมกันมีไม้มะค่าโมงอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ ๙ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งเก้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔, ๗, ๑๑, ๔๘, ๖๙, ๗๓, ๗๔, ๗๔ ทวิ, ๗๔ จัตวา ที่แก้ไขแล้วข้อหาทำไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้กับข้อหาตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติเป็นกรรมเดียวกันผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้อันเป็นบทหนัก จำคุกจำเลยทั้งเก้ามีกำหนด ๑ ปี ข้อหาร่วมกันมีไม้มะค่าโมงท่อน จำคุก ๑ ปี ข้อหาร่วมกันแปรรูปไม้และไม้มะค่าโมงจำคุก ๑ ปี ข้อหาร่วมกันมีไม้สักและไม้มะค่าโมงแปรรูปไว้ในครอบครองจำคุก ๑ ปี รวมจำคุกคนละ ๔ ปี จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๘ ให้การรับสารภาพในข้อหามีไม้มะค่าโมงท่อนไว้ในครอบครอง ส่วนข้อหาอื่นรับสารภาพชั้นสอบสวนบ้าง ชั้นสืบพยานบ้าง ลดโทษแล้ว จำคุกจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๘ คนละ ๒ ปี ๖ เดือน ลดโทษให้จำเลยที่ ๙ เพราะรับข้อเท็จจริงชั้นสืบพยานคงจำคุก ๓ ปี ของกลางริบ
โจทก์และจำเลยทั้งเก้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๙ ส่วนจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๘ ยกฟ้องเฉพาะข้อหาฐานมีและแปรรูปไม้กับข้อหาตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ลงโทษจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๘ ในข้อหาทำไม้หวงห้ามตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯ จำคุก ๘ เดือนไม้แปรรูปของกลางคืนเจ้าของ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาในความผิดเกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๘ ฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองและความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาตินั้น โจทก์ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งยกฟ้องในฐานความมผิดดังกล่าวโดยวินิจฉัยว่าพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง ๘ คนได้ทราบประกาศกระทรวงเกษตรซึ่งกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้และเจ้าหน้าที่ได้จัดให้มีเครื่องหมายเพื่อแสดงแนวเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสทราบและจำเลยได้ทราบแล้วว่าที่เกิดเหตุอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ
สำหรับปัญหาเกี่ยวกับประกาศกระทรวงเกษตรซึ่งกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้นั้น ปรากฏว่าประกาศดังกล่าวได้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตลอดเขตท้องที่จังหวัดทุกจังหวัดหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือการแปรรูปไม้หรือมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองนั้น หากปรากฏมีขึ้น ณ ที่ใดภายในราชอาณาจักรแล้ว ย่อมถือเป็นความผิดทั้งสิ้น สำหรับในท้องที่เกิดเหตุนี้จำเลยเองก็ได้แถลงยอมรับว่านายมนตรี ศิริมาศ ป่าไม้อำเภอศรีสัชนาลัย และนายจันทร์ ประดิษฐ์ กำนันตำบลบ้านแก่ง ได้ดำเนินการปิดประกาศเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบแล้ว ทั้งในชั้นสืบพยานจำเลยก็มิได้ปฏิเสธความข้อนี้ จึงฟังได้แล้วว่าจำเลยได้ทราบประกาศกระทรวงเกษตรดังกล่าวแล้วการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ โจทก์คงนำสืบเพียงว่า เขตอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย ทางกระทรวงเกษตรได้แจ้งให้ทางอำเภอ กำนันและผู้ใหญ่บ้าน แจ้งให้ราษฎรในท้องที่ทราบถึงอาณาบริเวณดังกล่าวแล้ว ซึ่งตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ฯ มาตรา ๘ บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้มีหลักเขตและป้ายหรือเครื่องหมายอื่นแสดงไว้เพื่อให้ประชาชนทราบได้ว่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ฉะนั้นลำพังแต่การแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวทราบเพื่อแจ้งให้ราษฎรในท้องที่ทราบอีกชั้นหนึ่งโดยไม่ปรากฏว่าได้มีการปักหลักเขต ติดป้ายหรือเครื่องหมายอื่นใดพอที่แสดงให้ทราบอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติดังกล่าวเป็นการแน่นอนเพียงเท่านี้จึงยังไม่พอฟังว่า จำเลยทั้งแปดได้ทราบว่า ท้องที่ซึ่งตนกระทำความผิดนั้นอยู่ในอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติ ฯ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ฯลฯ
พิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำเลยทั้งเก้าตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกเว้นความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติให้ยกฟ้อง ไม้แปรรูปของกลางให้ริบนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share