แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายอาญาซึ่งบัญญัติเรื่องการริบทรัพย์สินนั้น มิได้บัญญัติให้ริบเฉพาะทรัพย์ที่นำมาอยู่ในอำนาจของศาลหรือ เจ้าพนักงานเท่านั้นแต่มุ่งหมายถึงทรัพย์ที่บุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดเป็นสาระสำคัญฉะนั้น ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดแม้จะไม่มีอยู่ที่เจ้าพนักงานก็ตาม ศาลก็สั่งให้ริบได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจนำยาเส้นราคา 432 บาท และยาสูบซิกาแรตเกล็ดทอง 10 ห่อ ราคา 350 บาท อันเป็นของต้องจำกัดและต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร จะเข้าไปประเทศลาวโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษและริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร คงมีแต่ความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2486 มาตรา 30, 40, 42 พระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2492 มาตรา 3 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ปรับจำเลย 200 บาท ริบยาสูบของกลาง ส่วนยาเส้นคืนให้จำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะที่ให้ริบยาสูบ เป็นไม่ริบ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ริบยาสูบเสียด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และมาตรา 37ซึ่งบัญญัติเรื่องการริบทรัพย์สิน มิได้บัญญัติให้ริบเฉพาะทรัพย์ที่นำมาอยู่ในอำนาจของศาลหรือเจ้าพนักงานเท่านั้น แต่ได้มุ่งหมายถึงทรัพย์ที่บุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดเป็นสาระสำคัญ แม้ทรัพย์ดังกล่าวจะไม่มีอยู่ที่เจ้าพนักงาน ศาลก็สั่งริบได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 37
เห็นได้ว่า ที่โจทก์ขอให้ริบของกลางซึ่งมุ่งถึงยาสูบที่คืนให้จำเลยไปแล้วนั้นด้วย หาได้ประสงค์จะให้ริบแต่เฉพาะยาเส้นของกลางซึ่งเจ้าพนักงานรักษาไว้ไม่ การที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่ายาสูบคืนให้จำเลยไปแล้วนั้น ก็คงเพียงแต่ประสงค์จะให้ศาลทราบว่ายาเส้นนั้นเจ้าพนักงานรักษาไว้ ส่วนยาสูบนั้นเจ้าพนักงานคืนให้จำเลยไปแล้วเป็นการแจ้งให้ทราบถึงการครอบครองรักษา แต่ยังคงถือว่าเป็นยาสูบที่ใช้ในการกระทำผิดและขอให้ศาลริบนั่นเอง
พิพากษาแก้ ให้ริบยาสูบของกลางตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น