คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3767/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าตึกแถวมีข้อกำหนดว่า ถ้าผู้เช่าประพฤติผิดล่วงละเมิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด หรือกระทำผิดวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งข้อใด ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเข้ายึดครอบครองสถานที่เช่าได้ และมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 560 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวที่เช่าของโจทก์ ให้ชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวของโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวของโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า การบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์มิได้มีการปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา ๕๖๐ วรรคสอง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ตามหนังสือสัญญาเช่าตึกแถวท้ายหนังสือสัญญาเช่ามีข้อกำหนดว่า ถ้าผู้เช่าประพฤติผิดล่วงละเมิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด หรือกระทำผิดวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งข้อใด ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเข้ายึดครอบครองสถานที่เช่าได้ และมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที ซึ่งข้อกำหนดของสัญญาเช่าดังกล่าวถือว่าไม่เป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่ตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๑ ย่อมใช้บังคับได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่าได้ทันทีโดยไม่ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา ๕๖๐ วรรคสอง
พิพากษายืน.

Share