คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3763/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368, 386 มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้จะเป็นผู้ใดหามีความสำคัญไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘, ๓๘๖,๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ ๑ ถึงแก่กรรม ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๑ คงพิจารณาคดีไปเฉพาะจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานปลูกปักหรือวางสิ่งของเกะกะไว้ในทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๘๖ ลงโทษปรับ ๕๐๐ บาทกระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘ ลงโทษปรับ ๕๐๐ บาท อีกกระทงหนึ่ง รวมสองกระทง เป็นโทษปรับ ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ในข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งจำเลยที่ ๒ ฎีกาว่าพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากนายจรูญ พัฒนเสถียรกุล ผู้แจ้งความร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้เป็นเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอกำแพงแสน ไม่ใช่นายอำเภอ ถือไม่ได้ว่าเป็นผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้ได้ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้แม้จะเป็นคดีความผิดลหุโทษแต่มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนคดีนี้แล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๒๐ ผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้จะเป็นผู้ใดหามีความสำคัญไม่ จำเลยเองก็ได้แถลงรับไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ ว่า พนักงานสอบสวนได้สอบสวนคดีนี้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฉะนั้น จำเลยจะฎีกาโต้เถียงว่าพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องย่อมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share