คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้ว. การดำเนินการบังคับคดีย่อมเป็นอำนาจของศาลชั้นต้น. และเมื่อศาลชั้นต้นยึดทรัพย์ของจำเลยมาและขายทอดตลาด. จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อน. การจะงดการขายทอดตลาดหรือไม่. เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบังคับคดี.จึงอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้องของจำเลยได้.
โดยหลักทั่วไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีอันจำเลยจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมมีผลให้จำเลยต้องปฏิบัติตามแม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด. เว้นแต่จำเลยจะได้ยื่นอุทธรณ์และดำเนินการตามวิธีใดวิธีหนึ่งในมาตรา 231 คือขอทุเลาการบังคับคดีหรือวางเงินต่อศาลชั้นต้นเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดี หรือได้หาประกันมาให้สำหรับจำนวนเงินเช่นว่านี้ จนเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้นซึ่งจะเป็นผลให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีไว้
จำเลยมิได้วางเงินหรือหาประกันมาให้ แต่ได้ยื่นขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์. และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตคดีจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 231 มาตรา 231วรรคท้าย เป็นเรื่องที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด. ศาลย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการตามมาตรา 231 วรรคท้าย ได้ เมื่อกรณีจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 231 วรรคท้าย เพราะจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี จำเลยจึงขอให้งดการขายทอดตลาดตามมาตรา 241 วรรคท้าย ไม่ได้.

ย่อยาว

คดีนี้ สืบเนื่องมาจากจำเลยแพ้คดีโจทก์ จะต้องชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษาและตามคำบังคับของศาลชั้นต้น จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษา และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต พ้นกำหนดเวลาตามคำบังคับ จำเลยไม่ปฏิบัติตามโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี และขอให้ยึดทรัพย์จำเลยที่ ๒ เพื่อขายทอดตลาด ฯลฯ ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยที่ ๒ คือ ที่ดิน ๒ แปลงตามบัญชีทรัพย์ที่ยึดและกำหนดเวลาขายทอดตลาด จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีและงดการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๑ เพราะคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่มีเหตุที่จะงดการบังคับคดี
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้ว การดำเนินการบังคับคดีย่อมเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นและเมื่อศาลชั้นต้นยึดทรัพย์ของจำเลยที่ ๒ มา และประกาศขายทอดตลาดจำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อน การจะงดการขายทอดตลาดหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบังคับคดี จึงอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้องของจำเลยที่ ๒ ได้
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า การทุเลาการบังคับคดีการงดการขายทอดตลาดเป็นคนละเรื่อง การจะขายทอดตลาดหรือไม่ ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๑ วรรคท้าย กล่าวคือ ถ้าทรัพย์ที่จะขายทอดตลาดไม่เป็นของสดเสียง่ายหรือไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก และไม่ยุ่งยากแก่การบังคับคดี ตามเจตนารมณ์ของบทมาตราดังกล่าวก็ไม่ควรขายทอดตลาดจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ได้พิจารณาแล้วโดยหลักทั่วไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี อันจำเลยจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมมีผลให้จำเลยต้องปฏิบัติตาม แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด เว้นแต่จำเลยจะได้ยื่นอุทธรณ์ และดำเนินการตามวิธีใดวิธีหนึ่งในมาตรา ๒๓๑คือ ขอทุเลาการบังคับคดีหรือวางเงินต่อศาลชั้นต้น เป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดี หรือได้หาประกันมาให้สำหรับจำนวนเงินเช่นว่านี้ จนเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้น ซึ่งจะเป็นผลให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีไว้ คดีนี้จำเลยที่ ๒ มิได้วางเงินหรือหาประกันมาให้ แต่ได้ยื่นขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต คดีจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา ๒๓๑ ส่วนมาตรา ๒๓๑ วรรคท้าย ที่จำเลยยกขึ้นอ้างก็เป็นเรื่องที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้วแต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ศาลย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการตามมาตรา ๒๓๑ วรรคท้ายได้ กรณีของจำเลยที่ ๒ นี้หาต้องด้วยมาตรา๒๓๑ วรรคท้ายไม่ เพราะจำเลยที่ ๒ มิได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี ฉะนั้น ที่จำเลยที่ ๒ ขอให้งดการขายทอดตลาดตามมาตรา ๒๓๑วรรคท้าย จึงฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share