คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมิได้ให้การไว้ว่า กรณีเป็นการยกให้โดยหน้าที่ศีลธรรมไม่ใช่ยกให้โดยเสน่หาเช่นที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกาของจำเลยคดีไม่มีประเด็นตามที่จำเลยฎีกา แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็เป็นการนอกประเด็นข้อพิพาทถือเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่จำเลยด่าโจทก์ว่า ‘แม่เป็นหมา แม่ไม่มีศีลธรรม’ นั้น เมื่อโจทก์เป็นบุพการีของจำเลย การที่จำเลยด่าโจทก์ว่าเป็นหมาเท่ากับด่าโจทก์ว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานและเป็นคนไม่มีศีลธรรม ถือได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ได้
ข้อที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ได้ให้อภัยจำเลยแล้วตามข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกา เป็นข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นและไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นบุตรโจทก์ โจทก์ได้ให้จำเลยไปเปลี่ยนหลักฐานที่ดินจาก ส.ค.1 เป็น น.ส.3 ก. จำเลยได้แจ้งเจ้าพนักงานให้ใส่ชื่อจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ คือที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 486 และโจทก์ได้ยกที่ดินโฉนดเลขที่ 1471 ให้แก่จำเลยโดยเสน่หา เมื่อจำเลยได้รับการยกให้แล้ว จำเลยหาได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ให้ได้รับความสุขตามอัตภาพซึ่งจำเลยสามารถจะทำได้ไม่โจทก์ชรามากแล้วไม่อาจทำมาหากินด้วยตนเองได้ จำเลยได้ประพฤติตนเนรคุณและหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงคือ จำเลยได้ดุด่าโจทก์โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ เช่นกล่าวหาโจทก์เป็น “แม่หมา” “เป็นสัตว์” “เฒ่าหัวหงอกแล้วพูดจาไม่มีศีลมีสัตย์” โดยกล่าวต่อโจทก์เป็นการส่วนตัวและต่อหน้าบุคคลที่สาม ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงและได้รับความอับอาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์ตามฟ้องแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นสินสมรสระหว่างบิดามารดาจำเลย เมื่อบิดาจำเลยตายได้ตกลงแบ่งทรัพย์สินกัน จำเลยได้ที่ดินตาม น.ส. 3 เลขที่ 486 ส่วนบุตรคนอื่นได้ที่ดินแปลงอื่น ต่างไปออก น.ส.3 เป็นของตนเองจำเลยไม่เคยไปทำนิติกรรมแทนโจทก์ในที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 486 ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 1471 เป็นส่วนแบ่งระหว่างจำเลยกับทายาทอีก 2 คน ในปีที่แบ่งทรัพย์นั้น ทายาทบางคนไม่อยู่จึงใส่ชื่อโจทก์ซึ่งเป็นมารดาไว้ในโฉนด ต่อมาจำเลยได้จ่ายเงินทดแทนแก่ทายาทผู้มีสิทธิร่วมกับจำเลยในที่ดินแปลงนี้ โจทก์จึงโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืนที่ดินทั้งสองแปลงตามฟ้องได้ จำเลยไม่ได้ละทิ้งไม่เลี้ยงดูโจทก์หรือประพฤติเนรคุณตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยคืนที่ดินโฉนดเลขที่ 1471ให้แก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกา กรณีเป็นการยกให้โดยหน้าที่ศีลธรรม ไม่ใช่ยกให้โดยเสน่หานั้น ในชั้นที่จำเลยให้การต่อสู้คดีในศาลชั้นต้น จำเลยมิได้ให้การเช่นที่กล่าวอ้างในชั้นฎีกา คดีไม่มีประเด็นตามที่จำเลยฎีกา แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยก็เป็นการนอกประเด็นข้อพิพาท ถือเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

การที่จำเลยด่าโจทก์ว่า “แม่เป็นหมา” “แม่ไม่มีศีลธรรม” นั้น เมื่อโจทก์เป็นบุพการีของจำเลย การที่จำเลยด่าโจทก์ว่าเป็นหมาเท่ากับด่าโจทก์ว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานและเป็นคนไม่มีศีลธรรม ถือได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ได้

ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์จำเลยได้ประนีประนอมกัน โจทก์ไม่ติดใจเอาความแก่จำเลย จึงเห็นได้ว่าโจทก์ได้ให้อภัยจำเลยแล้วนั้น เป็นข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นและไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share