แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อเป็นที่พอใจว่ามีการบกพร่องในเรื่องความสามารถของคู่ความแม้โจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการสอบสวนก็ตามอาศัยความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา56 วรรค 2 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสอบสวนเรื่องความสามารถของโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านาพิพาทโจทก์ได้รับมรดกจากบิดามารดา จำเลยอาศัยโจทก์ทำ บัดนี้โจทก์ต้องการคืนจำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์และขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยขออาศัยโจทก์
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าบิดาโจทก์ได้ฝากนาพิพาทไว้แก่มารดาจำเลยต่อมาบิดาโจทก์ตายนาพิพาทตกได้แก่โจทก์ พิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์ใจความสำคัญว่าตามฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่าโจทก์เป็นหญิงหม้ายเมื่อโจทก์ไม่ได้รับความยินยอมจากสามีให้ดำเนินคดีฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ ศาลรับไว้พิจารณาไม่ได้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์เป็นหญิงมีสามี แต่ไม่ปรากฏว่าสามีตายหรือยังมีชีวิตอยู่ จึงให้ศาลชั้นต้นสอบสวนในเรื่องความสามารถของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56
ศาลชั้นต้นถามโจทก์ โจทก์แถลงว่าสามีโจทก์ตายมา 10 ปีเศษเวลานี้โจทก์ไม่มีสามี จำเลยรับว่าเป็นความจริง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสอบสวนเรื่องความสามารถของโจทก์เพราะโจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการสอบสวนในเรื่องความสามารถของคู่ความ
ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสอบสวนเรื่องความสามารถของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรค 2 เมื่อเป็นที่พอใจว่ามีการบกพร่องในเรื่องความสามารถของคู่ความ แม้โจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการสอบสวนก็ตาม พิพากษายืน