คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3749/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยจำหน่ายชื่อโจทก์ออกจากทะเบียนบ้านและมีหนังสือแจ้งไปยังนายทะเบียนคนญวนอพยพ โดยอ้างว่าโจทก์ทั้งเจ็ดถูกถอนสัญชาติไทยเป็นเหตุให้นายทะเบียนคนญวนอพยพแจ้งให้โจทก์ไปทำทะเบียนประวัติคนญวนอพยพเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
บ.บิดาโจทก์เป็นคนมีสัญชาติไทย จดทะเบียนสมรสในประเทศไทยกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและเกิดบุตรคือโจทก์ในราชอาณาจักรไทยดังนี้โจทก์ย่อมได้สัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2408มาตรา 7(1)(3) และมิใช่กรณีที่โจทก์เกิดจากมารดาซึ่งเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงมิใช่บุคคลที่จะต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายบุญยืนหรือบุญเริ่ม บุตรนคร กับนางลาน เล หรือกายเหงียนถิ จดทะเบียนสมรสกัน ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม เกิดบุตรด้วยกันคือโจทก์ทั้งเจ็ด โจทก์ทั้งเจ็ดเกิดในประเทศไทยและมีสัญชาติไทยตามบิดาจำเลยทั้งสองทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งเจ็ดโดยมีหนังสือถึงนายทะเบียนคนญวนอพยพแจ้งว่าโจทก์ทั้งเจ็ดไม่ได้สัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 และได้จำหน่ายชื่อโจทก์ทั้งเจ็ดจากทะเบียนบ้านแล้วนายทะเบียนคนญวนอพยพแจ้งให้โจทก์ทราบและให้โจทก์ไปทำทะเบียนประวัติคนญวนอพยพ การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งเจ็ดเสียสัญชาติไทย ขอให้พิพากษาว่า โจทก์ทั้งเจ็ดเป็นคนสัญชาติไทยให้จำเลยแก้สัญชาติของโจทก์ทั้งเจ็ดในทะเบียนบ้านเป็นคนสัญชาติไทย

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ทั้งเจ็ดถูกถอนสัญชาติไทยและไม่ได้สัญชาติไทยโดยผลของกฎหมายจำเลยทั้งสองปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ทั้งเจ็ดเป็นคนมีสัญชาติไทยให้จำเลยทั้งสองใส่ชื่อโจทก์ทั้งเจ็ดลงในทะเบียนบ้านของโจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองฎีกาข้อแรกว่า โจทก์ทั้งเจ็ดถูกถอนสัญชาติไทยและไม่ได้สัญชาติไทยโดยผลของกฎหมาย จำเลยทั้งสองปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองจำหน่ายชื่อโจทก์ทั้งเจ็ดจากทะเบียนบ้านและมีหนังสือแจ้งไปยังนายทะเบียนคนญวนอพยพ โดยอ้างว่าโจทก์ทั้งเจ็ดถูกถอนสัญชาติไทยเป็นเหตุให้นายทะเบียนคนญวนอพยพแจ้งให้โจทก์ทั้งเจ็ดไปทำทะเบียนประวัติคนญวนอพยพ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งเจ็ดแล้ว โจทก์ทั้งเจ็ดจึงมีอำนาจฟ้อง ส่วนประเด็นข้อต่อมาที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าโจทก์ทั้งเจ็ดถูกถอนสัญชาติไทยและไม่ได้สัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515ด้วยเหตุนางลาน เล มารดาโจทก์ทั้งเจ็ดเป็นคนต่างด้าว และในขณะที่โจทก์ทั้งเจ็ดเกิด มารดาโจทก์ทั้งเจ็ดเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองนั้นเห็นว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2506 นายบุญยืนซึ่งเป็นคนมีสัญชาติไทยและนางลาน เล มารดาโจทก์ทั้งเจ็ดจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม แล้วเกิดบุตรด้วยกันคือโจทก์ทั้งเจ็ด และโจทก์ทั้งเจ็ดเกิดในราชอาณาจักรไทย โจทก์ทั้งเจ็ดจึงได้สัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7(1)(3) และตามข้อความในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1(3) บุคคลที่ต้องถูกถอนสัญชาติไทยได้แก่บุคคล 2 ประเภท ประเภทหนึ่งคือ บุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยจากบิดาเป็นคนต่างด้าว และบิดานั้นเป็นคนต่างด้าวผู้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง อีกประเทศหนึ่งคือ บุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยจากมารดาซึ่งเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและมารดานั้นเป็นคนต่างด้าวผู้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง สำหรับกรณีของโจทก์ทั้งเจ็ดแม้นางลาน เล มารดาโจทก์ทั้งเจ็ดเป็นคนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง แต่ปรากฏว่านายบุญยืนและนางลาน เล ซึ่งเป็นบิดามารดาของโจทก์ทั้งเจ็ดจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนมก่อนแล้ว ต่อมาเกิดบุตรด้วยกันคือโจทก์ทั้งเจ็ด และโจทก์ทั้งเจ็ดเกิดในราชอาณาจักรไทย ในขณะที่โจทก์ทั้งเจ็ดเกิดจึงมีนายบุญยืนเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายหาใช่ว่าโจทก์ทั้งเจ็ดเกิดจากมารดาซึ่งเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายไม่ โจทก์ทั้งเจ็ดจึงมิใช่บุคคลที่ต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามของคณะปฏิวัติดังกล่าว ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองจำหน่ายชื่อโจทก์ทั้งเจ็ดออกจากทะเบียนบ้านและมีหนังสือราชการแจ้งไปยังนายทะเบียนคนญวนอพยพจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พิพากษายืน

Share