แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินสามยทรัพย์ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะใช้ทางภาระจำยอมกว้าง 4 เมตร ยาวตลอดเนื้อที่ในที่ดินของจำเลยอันเป็นภารยทรัพย์เพื่อใช้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะตามบันทึกข้อตกลงเรื่องภาระจำยอม โจทก์มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกในทางภาระจำยอมตรงจุดใด บริเวณใด ในเวลาใดก็ได้ตามความประสงค์หรือเพื่อความสะดวกของโจทก์ทุกเมื่อ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะขัดขวางมิให้โจทก์ใช้ทางภาระจำยอมหรือทำให้ทางภาระจำยอมลดน้อยลงหรือทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้ทางภาระจำยอมนั้น การที่จำเลยนำเสาไม้มาปัก ย่อมทำให้ทางแคบลง การเทปูนซีเมนต์เพื่อทำให้ทางลาดชันย่อมทำให้การสัญจรผ่านไปมาไม่สะดวก การทำประตูเหล็กปิดกั้นรถยนต์ที่จะผ่านเข้าออก แม้จำเลยจะอ้างว่าเพื่อตรวจสอบบุคคลที่ไม่มีสิทธิใช้ทางภาระจำยอมมาใช้ทางดังกล่าวก็เป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับบุคคลภายนอก แต่การกระทำของจำเลยเช่นนั้นเห็นได้ชัดว่าโจทก์จะเข้าออกทางภาระจำยอมได้ไม่สะดวกเพราะโจทก์จะต้องคอยขออนุญาตจำเลยเปิดประตูไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทางภาระจำยอมได้เต็มตามสิทธิ กรณีถือได้ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1390
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อเสาไม้และรั้วประตูเหล็กที่เปิดปิดทางเข้าออกทางภาระจำยอมและปรับสภาพคืนให้เหมือนเดิม ห้ามขัดขวางและห้ามมิให้ทำการอันใดที่จะเป็นเหตุให้ใช้ทางพิพาทไม่สะดวก หากไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์ทำเองได้ โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยรื้อเสาไม้และรั้วประตูเหล็กที่เปิดปิดทางเข้าออกทางภาระจำยอมและปรับสภาพคืนให้เหมือนเดิม ห้ามขัดขวางและห้ามมิให้กระทำการอันใดที่จะเป็นเหตุให้ใช้ทางพิพาทไม่สะดวก ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๓,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๒,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยได้จดทะเบียนภาระจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๑๔๓๘ ตำบลบางอ้อ อำเภอบางกอกน้อย (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร ให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๓๒๘ ตำบลบางอ้อ อำเภอบางกอกน้อย (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของนางวรรณี จำเริญวิทย์ มารดาโจทก์ ตามสำเนาบันทึกข้อตกลงเรื่องภาระจำยอมนางวรรณี ได้แบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๓๒๘ ให้บุตร โจทก์ซึ่งเป็นบุตรคนหนึ่งเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๑๗๔๔๘ ตำบลบางอ้อ อำเภอบางกอกน้อย (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสามยทรัพย์มีสิทธิในภาระจำยอมกว้าง ๔ เมตร ยาวตลอดเนื้อที่เพื่อใช้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๑๔๓๘ ของจำเลยซึ่งเป็นภารยทรัพย์ จำเลยเคยฟ้องโจทก์กับพวกขอให้เพิกถอนภาระจำยอม คดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๓๙ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๓๒๐/๒๕๓๙ โดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ ต่อมาประมาณเดือนเมษายน ๒๕๔๐ จำเลยนำอิฐและหินมาถมทางภาระจำยอมให้สูงขึ้นจากระดับพื้นถนนเดิมปักเสาไม้แล้วเทปูนซีเมนต์ทำให้มีความลาดชันระหว่างรอยต่อของพื้นถนนเดิมกับพื้นถนนที่ถมใหม่ พร้อมกับทำประตูเหล็กบริเวณทางภาระจำยอมเพื่อปิดกั้นรถยนต์
เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นสามยทรัพย์ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะใช้ทางภาระจำยอมกว้าง ๔ เมตร ยาวตลอดเนื้อที่ในที่ดินของจำเลยอันเป็นภารยทรัพย์เพื่อใช้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะตามสำเนาบันทึกข้อตกลงเรื่องภาระจำยอม โจทก์มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกในทางภาระจำยอมตรงจุดใด บริเวณใด ในเวลาใดก็ได้ตามความประสงค์หรือเพื่อความสะดวกของโจทก์ทุกเมื่อ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะขัดขวางมิให้โจทก์ใช้ทางภาระจำยอมหรือทำให้ทางภาระจำยอมลดน้อยลงหรือทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้ทางภาระจำยอมนั้น การที่จำเลยนำเสาไม้มาปัก ย่อมทำให้ทางแคบลง การเทปูนซีเมนต์เพื่อทำให้ทางลาดชันย่อมทำให้การสัญจรผ่านไปมาไม่สะดวก การทำประตูเหล็กปิดกั้นรถยนต์ที่จะผ่านเข้าออก แม้จำเลยจะอ้างว่าเพื่อตรวจสอบบุคคลที่ไม่มีสิทธิใช้ทางภาระจำยอมมาใช้ทางดังกล่าวก็เป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับบุคคลภายนอก แต่การกระทำของจำเลยเช่นนั้นเห็นได้ชัดว่าโจทก์จะเข้าออกทางภาระจำยอมได้ไม่สะดวกเพราะโจทก์จะต้องคอยขออนุญาตจำเลยเปิดประตู ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทางภาระจำยอมได้เต็มตามสิทธิ กรณีถือได้ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๙๐ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะทำเช่นนั้น
อนึ่งคดีนี้เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ กฎหมายกำหนดอัตราค่าทนายความขั้นสูงในชั้นอุทธรณ์ไว้ไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท ตามตาราง ๖ ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๒,๐๐๐ บาท แทนโจทก์ จึงเกินกว่าอัตราขั้นสูงที่กฎหมายกำหนด ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน แต่ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๕๐๐ บาท แทนโจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๐๐๐ บาท แทนโจทก์.