แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับผู้ร้องเป็นสามีภริยากันได้ร่วมกันประกอบอาชีพจัดสรรที่ดินและสร้างตึกแถวขาย หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องเกิดจากจำเลยผิดสัญญาขายที่ดินพร้อมตึกแถวที่จำเลยเป็นผู้จัดสรรดังกล่าวให้แก่โจทก์ จึงเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490 และมีผลให้เจ้าหนี้บังคับชำระหนี้จากสินสมรสและสินส่วนตัวได้ตามมาตรา 1489 โจทก์ชอบที่จะบังคับชำระหนี้จากสินสมรสได้ทั้งหมด ผู้ร้องไม่มีสิทธิกันส่วนของตนไว้.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ไปไถ่ถอนจำนองแล้วโอนที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๑๔๘๒, ๘๑๔๘๓ พร้อมตึกแถวให้โจทก์ถ้าไม่สามารถโอนได้ ให้ชำระเงิน ๔๘๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยจำเลยที่ ๑ ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีและได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๑๙๘๗ พร้อมบ้าน รวมราคา ๔๕๕,๐๐๐ บาท
นางสุวรรณา มุ่งงานดี ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าที่ดินและบ้านที่โจทก์นำยึด เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ ๑ จึงขอให้กันส่วนของผู้ร้องออกเสีย
โจทก์คัดค้านว่า หนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้เป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่ ๑ กับผู้ร้อง ผู้ร้องต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาต่อไปของผู้ร้องว่า หนี้ตามที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ไม่ใช่หนี้ร่วม โจทก์จะบังคับชำระหนี้เอากับโฉนดที่ดินและบ้านดังกล่าวอันเป็นสินสมรสไม่ได้ ปัญหานี้ ผู้ร้องเบิกความว่า หนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ เป็นหนี้ส่วนตัวของจำเลยที่ ๑ ไม่เกี่ยวกับผู้ร้อง แต่ผู้ร้องมิได้มีพยานอื่นสนับสนุนคำเบิกความของตน ฝ่ายโจทก์มีตัวโจทก์เบิกความว่า จำเลยที่ ๑ ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินและปลูกสร้างตึกแถวแบ่งขาย มีกิจการอยู่ที่หมู่บ้านสวนมหาวงษ์ และแถวถนนพัฒนาการ เคยเห็นผู้ร้องช่วยจำเลยที่ ๑ ขายตึกแถวและที่ดิน ผู้ร้องไม่ได้ประกอบอาชีพอื่น และมีคำของผู้ร้องสนับสนุนตอนตอบคำถามค้านของทนายโจทก์ว่าจำเลยที่ ๑ มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๑๙๘๗ และที่ดินอื่นอีกหลายแปลง ซึ่งที่ดินที่จำเลยที่ ๑ มีชื่อถือกรรมสิทธิ์นั้น จำเลยที่ ๑ ได้นำไปลงทุนปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ขายให้แก่บุคคลอื่น จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ กับผู้ร้องร่วมกันประกอบอาชีพจัดสรรที่ดินและสร้างตึกแถวขาย เมื่อหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้เกิดจากจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๑๔๘๒, ๘๑๔๘๓ พร้อมตึกแถวที่จำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดสรรดังกล่าวให้แก่โจทก์ จึงเป็นหนี้ร่วม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๙๐ และมีผลให้เจ้าหนี้บังคับชำระหนี้จากสินสมรสและสินส่วนตัวได้ตามมาตรา ๑๔๘๙ ดังนั้นผู้ร้องต้องยอมให้โจทก์บังคับชำระหนี้ได้ทั้งหมดตามกฎหมายดังกล่าว ไม่มีสิทธิกันส่วนของตนไว้แต่ประการใด ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยคดีชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.