คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว แต่ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่นั้น ย่อมมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่ แต่ไม่อาจจัดการทรัพย์สินโดยตนเองได้ จะต้องดำเนินการแทนโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22 หนี้ค่าภาษีที่เกิดขึ้นภายหลังลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้วการที่โจทก์จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในเวลาที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 91 กำหนดไว้ย่อมทำไม่ได้ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 มิได้บัญญัติห้ามฟ้องเกี่ยวกับหนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่และเงินเพิ่มซึ่งเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายหลังจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสมบูรณ์ เมฆเสรีกุล เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินรวม 4 โฉนด ในวันที่ 1 มกราคม 2529 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2531แต่ได้ถูกศาลแพ่งสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม2527 โดยมีจำเลยเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จำเลยมิได้ยื่นแบบแสดงรายการที่ดินและเสียภาษีบำรุงท้องที่ เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์จึงได้แจ้งการประเมินภาษีบำรุงท้องที่และเงินเพิ่มตามกฎหมายประจำปีพ.ศ. 2529, 2530 และ 2531 ให้จำเลยทราบเพื่อให้เสียภาษีบำรุงท้องที่ของลูกหนี้ผู้ล้มละลายและเงินเพิ่มแก่โจทก์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแบบแจ้งการประเมิน แต่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมเสียและมิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินของโจทก์ภายในกำหนด ขอให้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินภาษีบำรุงท้องที่และเงินเพิ่มคำนวณถึงเดือนฟ้องรวมเป็นเงินจำนวน 22,383.22 บาท แก่โจทก์ และเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของเงินภาษีบำรุงท้องที่ที่ค้างชำระแต่ละปีนับถัดจากเดือนฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ในหนังสือพิมพ์ “เดลิมิเร่อร์” ฉบับลงวันที่ 11 มีนาคม 2528 และประกาศโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19มีนาคม 2528 ครบกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้วันที่ 20 พฤษภาคม2528 โจทก์มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แต่อย่างใด ทั้งหนี้ภาษีบำรุงท้องที่ตามฟ้องเป็นมูลหนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ไว้เด็ดขาดแล้ว จึงไม่อาจขอรับชำระหนี้เอาจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ การนำเงินค่าภาษีไปชำระแก่โจทก์ไม่อาจถือได้ว่าเป็น “กิจการ” ของลูกหนี้ที่ค้างอยู่ โจทก์คำนวณเรียกเงินเพิ่มมาด้วย ซึ่งลักษณะวิธีการเก็บและวัตถุประสงค์ของการเก็บก็เช่นเดียวกับการที่เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยในกรณีลูกหนี้ผิดนัด ถือว่า”เงินเพิ่ม” ก็คือ “เงินค่าป่วยการอื่นแทนดอกเบี้ยซึ่งไม่อาจเรียกได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่และเงินเพิ่มตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 มาตรา 7 กำหนดให้ผู้เป็นเจ้าของที่ดินในวันที่1 มกราคม ของปีใด มีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปีนั้น ฉะนั้นผู้เป็นเจ้าของที่ดินจะต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่ทุกปี สำหรับภาษีที่พิพาทคดีนี้เป็นหนี้ค่าภาษีที่ได้เกิดขึ้นภายหลังที่นายสมบูรณ์เมฆเสรีกุล ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว การที่โจทก์จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในเวลาตามที่พระราชบัญญัติล้มละลายกำหนดไว้ย่อมทำไม่ได้ แต่การที่นายสมบูรณ์ เมฆเสรีกุล ยังเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ในระหว่างนั้นย่อมจะต้องมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่เพียงแต่การพิทักษ์ทรัพย์ทำให้ไม่สามารถจัดการทรัพย์สิน โดยตนเองได้ มาตรา 22 ในพระราชบัญญัติดังกล่าวมิได้บัญญัติห้ามฟ้องเกี่ยวกับหนี้ที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายหลังจากถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้ตามมาตรา 94 การเกิดหนี้ขึ้นโดยผลของกฎหมายเช่นนี้เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องดำเนินการแทนนายสมบูรณ์เมฆเสรีกุล
พิพากษายืน.

Share