แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง มีผลเป็นการไม่รับอุทธรณ์ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น แม้เหตุที่ยกขึ้นอ้างในการไม่รับอุทธรณ์จะต่างกัน คำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาทขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของโจทก์เอง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งรวมกันมา ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องของจำเลยที่ ๑ ไม่มีข้อความใดที่เป็นการยกข้อต่อสู้ขึ้นแก้คำฟ้อง ถือไม่ได้ว่าเป็นการแก้ไขคำให้การ กรณีไม่อาจรับฟ้องแย้งไว้พิจารณามีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑ มิได้แสดงเหตุใดโดยชัดแจ้งเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ ไม่รับอุทธรณ์
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า ตามคำร้องขอแก้ไขคำให้การ จำเลยที่ ๑ มิได้ยกข้อต่อสู้อย่างใดขึ้นใหม่ กฎหมายบัญญัติให้จำเลยฟ้องแย้งรวมมาในคำให้การเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ได้ฟ้องแย้งมาในคำให้การเดิมหรือคำให้การที่แก้ไขเพิ่มเติม ย่อมไม่มีสทธิที่จะฟ้องแย้งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๗๗ วรรคสาม ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑ เมื่อจำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง มีผลเป็นการไม่รับอุทธรณ์ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น แม้เหตุที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างในการไม่รับอุทธรณ์จะต่างกันคำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๓๖ วรรคแรก จำเลยที่ ๑ ไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ ๑