แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินบำรุงการศึกษามีระเบียบให้ใช้เฉพาะเพื่อกิจการของสถานศึกษาเท่านั้น น้ำดื่มสำหรับครูไม่ใช่กิจการของสถานศึกษา และโจทก์ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องจัดหา จำเลยจึงไม่มีอำนาจนำเงินบำรุงการศึกษามาจ่ายได้
จำเลยจ่ายเงินบริจาคจำนวน 15,800 บาทไปโดยไม่มีอำนาจแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า ยอดรายจ่ายที่จ่ายไปโดยชอบจะสูงกว่ายอดรายรับ ก็ถือได้ว่าเงินที่จำเลยจ่ายไปโดยมิชอบนั้นทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยจึงต้องคืนเงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นกรมในรัฐบาล เป็นเจ้าของโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย และเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลย ระหว่างปีพ.ศ. ๒๕๑๗ ถึง ๒๕๒๑ โจทก์แต่งตั้งจำเลยให้รับราชการตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนดังกล่าว จำเลยปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต หรือประมาทเลินเล่อ รับเงินบำรุงการศึกษาแล้วไม่นำลงบัญชีและสั่งจ่ายเงินโดยผิดระเบียบ ทำให้โจทก์เสียหายหลายรายการรวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๐๐,๗๘๓.๙๒ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๒๐๐,๗๘๓.๙๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจ่ายเงินไปโดยถูกต้องตามระเบียบ บัญชีจ่ายเงินท้ายฟ้องไม่ถูกต้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เงินตามฟ้อง ข้อ ก. จำเลยได้ใช้จ่ายไปโดยผิดระเบียบต้องคืนโจทก์ทั้งหมดเป็นเงิน ๑๐,๒๔๖.๕๐ บาทเงินตามฟ้องข้อ ข. ค. ง. และ ฉ. โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยใช้จ่ายไปโดยผิดระเบียบ และจำเลยนำสืบรับว่าได้จ่ายโดยผิดระเบียบเพียง๖๖๔.๗๕ บาท จำเลยต้องคืนโจทก์ ๖๖๔.๗๕ บาท เงินตามฟ้องข้อ จ. จำนวน๑๕,๘๐๐ บาท ปรากฏว่ายอดเงินบริจาคเพียง ๗๗,๒๕๕ บาท แต่มียอดจ่ายถึง๙๔,๘๒๘.๓๓ บาท เกินกว่ารายรับ แสดงว่าโจทก์มิได้รับความเสียหายจำเลยไม่ต้องคืนเงินตามฟ้อง เงินตามฟ้องข้อ ข. จำนวน ๓,๔๓๕.๕๙ บาทพยานโจทก์รับฟังได้ว่าจำเลยใช้จ่ายไปโดยผิดระเบียบ พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๔,๓๔๖.๘๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า รายจ่ายตามฟ้องข้อ ข. ค. ง. เฉพาะค่าน้ำดื่มครู จำนวนเงิน ๘,๐๘๒ บาท ๑,๐๓๒ บาท ๔,๓๓๘ บาท ตามลำดับนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อทางราชการ นอกนั้นเป็นรายจ่ายที่ผิดระเบียบสำหรับฟ้องข้อ จ. ได้ความตามเอกสารหมายจ.๔ แผ่นที่ ๒๘ ว่า เงินรายได้จากการบริจาครวมทั้งสิ้นเป็นเงิน๗๗,๒๕๕ บาท จำเลยนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์และเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการศึกษาหรือทางราชการของโรงเรียน ๗๙,๐๒๘.๓๓ บาท เกินกว่ารายรับโจทก์จึงไม่เสียหาย ส่วนเงินตามฟ้องข้อ ฉ. โจทก์ไม่มีหลักฐานมาแสดงส่วนเงินตามฟ้องข้อ ค. บางส่วนจำนวน ๖๔,๙๕๑.๗๑ บาท นั้น ได้ความว่าจำเลยได้จัดการถมดิน ทำถนนภายในบริเวณโรงเรียน ซื้อโต๊ะเรียนทำเคาน์เตอร์ และซ่อมประตูห้องเรียนเป็นเงินเกินกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาทเท่ากับโจทก์ได้รับชดเชยค่าเสียหายจากการทำละเมิดแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้องข้อ ค. ส่วนนี้ พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง ข้อ ข. ค. ง. รวม ๔๕,๓๘๕.๑๒ บาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามที่โจทก์ฎีกาในข้อแรกว่าจำเลยมีอำนาจนำเงินบำรุงการศึกษาไปซื้อน้ำดื่มสำหรับครูหรือไม่ เห็นว่า ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการรับจ่ายเงินบำรุงการศึกษาข้อ ๗ และ ๘(๕) เอกสารหมาย จ.๖ ระบุมีใจความว่าเงินบำรุงการศึกษาที่ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการซึ่งเป็นสถานศึกษาหรือสถาบันแห่งใดได้รับให้นำไปใช้จ่ายได้เฉพาะเพื่อกิจการของสถานศึกษาหรือสถาบันแห่งนั้นเท่านั้น และรายจ่ายที่ไม่เป็นประโยชน์โดยตรงแก่การศึกษาหรือทางราชการห้ามมิให้จ่ายจากเงินนี้ น้ำดื่มสำหรับครูไม่ใช่กิจการของสถานศึกษา และไม่ได้ความว่าเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องจัดหาน้ำดื่มมาให้ครู การที่จำเลยนำเงินบำรุงการศึกษาไปใช้จ่ายเพื่อการนั้น เห็นได้ว่า เป็นการขัดกับระเบียบที่กล่าวมาแล้ว การกระทำของจำเลยจึงทำให้โจทก์เสียหาย เป็นละเมิดต่อโจทก์ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น ข้อที่โจทก์ฎีกาให้จำเลยคืนเงิน ๑๕,๘๐๐บาท เกี่ยวกับเงินบริจาคตามฟ้อง ข้อ จ. ที่จำเลยไม่มีอำนาจนำไปใช้จ่ายโดยชอบให้โจทก์นั้น เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังว่ายอดรายจ่ายที่จ่ายไปโดยชอบจะสูงกว่ายอดรายรับตามที่ได้ความข้างต้นก็ตาม แต่เมื่อมีการจ่ายเงิน ๑๕,๘๐๐ บาท ที่จำเลยไม่มีอำนาจจะจ่ายไปก็เป็นเรื่องที่จำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยตรงจำเลยจึงต้องคืนเงินส่วนนี้ให้โจทก์ จะว่ายอดรายจ่ายสูงกว่ายอดรายรับโจทก์ไม่เสียหายไม่ได้ เพราะยังไม่มีการพิจารณายอดรายจ่ายส่วนที่สูงกว่ารายรับนั้นได้เงินมาอย่างไร ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเพิ่มตามฟ้องข้อ ข. ค. ง. รายการค่าซื้อน้ำดื่มครู ๑๓,๔๕๒ บาท กับค่าเสียหายตามฟ้อง ข้อ จ. ซึ่งเป็นเงินบริจาคที่จำเลยใช้ไปโดยไม่มีอำนาจ๑๕,๘๐๐ บาท รวม ๒๙,๒๕๒ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง จนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราที่กล่าวแล้วในจำนวนเงินที่โจทก์ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินจำนวนนั้นให้โจทก์เสร็จด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์