คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินที่คนต่างด้าวได้มาโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 และฉบับที่ 2พ.ศ.2493 ก็เป็นที่ดินที่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 94,96 ที่ให้คนต่างด้าวจำหน่ายได้. ถ้าไม่จำหน่ายก็ให้อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจจำหน่ายได้. เมื่อที่ดินนั้นคนต่างด้าวจำหน่ายได้ตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว. โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของคนต่างด้าวผู้ล้มละลาย ก็ย่อมจำหน่ายที่ดินนั้นในการบังคับคดีล้มละลายได้เช่นเดียวกัน.(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2511).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของบริษัทหลิ่มติมโหมวผู้ล้มละลายแต่ลงชื่อจำเลยเป็นผู้รับโอนในหน้าโฉนดแทนบริษัทสืบต่อมาจากนางสาวสุธีระซึ่งเป็นผู้รับโอนจากเจ้าของเดิมแทนบริษัท ขอให้บังคับให้จำเลยโอนที่ดินแก่โจทก์หรือผู้ที่โจทก์หรือกองหมายจะขายให้ จำเลยสู้ว่าจำเลยได้รับโอนจากนางสาวสุธีระโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ศาลแพ่งเห็นว่า ผู้ถือหุ้นบริษัทนี้มี 7 คน เป็นคนสัญชาติไทยคนเดียวคือจำเลย นอกนั้นเป็นคนต่างด้าว ตามฟ้องของโจทก์เป็นการรับอยู่ในตัวว่า บริษัทมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานในการซื้อที่รายนี้ จึงได้ใช้ชื่อผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์ไว้แทนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างบริษัทกับเจ้าของเดิมเป็นโมฆะ เพราะเป็นการขัดต่อบทกฎหมายซึ่งเป็นบทบัญญัติเพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง นับว่าเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน คดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีโดยที่ประชุมใหญ่แล้วตามพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486มาตรา 5 บัญญัติว่า “ฯลฯ คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินได้ก็ด้วยอาศัยบทสนธิสัญญาซึ่งบัญญัติให้มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ได้แต่ต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้” มาตรา 6 บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับมาตรา 5 คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยประกอบกิจการในทางพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม หรือเกษตรกรรมหรือเพื่อใช้ในการศาสนา การกุศล หรือใช้เป็นสุสาน หรือฌาปนสถานได้ตามข้อกำหนด เงื่อนไขและปริมาณเนื้อที่ซึ่งกำหนดโดยพระราชบัญญัตินี้หรือโดยอาศัยอำนาจแห่งพระราชบัญญัตินี้และต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 มาตรา 3 ซึ่งให้เพิ่มมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486มีความว่า “มาตรา 11 ทวิ บทบัญญัติมาตรา 5 ถึงมาตรา 9 และมาตรา 11นั้น ให้นำมาใช้บังคับแก่นิติบุคคลต่อไปอีกด้วย คือ (1) บริษัทจำกัดซึ่งมีทุนของคนต่างด้าวเกินกว่าร้อยละห้าสิบหรือผู้ถือหุ้นเป็นคนต่างด้าวเกินกว่ากึ่งจำนวนผู้ถือหุ้นแล้วแต่กรณี ฯลฯ” มาตรา 6 บัญญัติว่า “นิติบุคคลใดฝ่าฝืนมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พุทธศักราช 2486มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท” ศาลฎีกาเห็นว่า บริษัทหลิ่มติมโหมวจำกัด มีคนต่างด้าวถือหุ้นอยู่เกินกึ่งจำนวนผู้ถือหุ้น จึงตกอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวดังกล่าวแล้วซึ่งบัญญัติว่า คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินได้ตามข้อกำหนดเงื่อนไขและปริมาณเนื้อที่ซึ่งกำหนดโดยพระราชบัญญัตินี้หรือโดยอาศัยอำนาจแห่งพระราชบัญญัตินี้ ฉะนั้น การได้มาซึ่งที่ดินพิพาทของบริษัทลูกหนี้ตามฟ้องโจทก์โดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 5 และ 6 แห่งพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าการได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นโมฆะ เพราะวัตถุประสงค์เป็นการขัดต่อบทกฎหมาย อันเป็นบทบัญญัติเพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง ไม่มีทางที่บริษัทลูกหนี้จะได้กรรมสิทธิ์หรือรับโอนกรรมสิทธิ์ จึงไม่อาจบังคับตามคำขอของโจทก์ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 9ได้บัญญัติในกรณีที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้มีและใช้ที่ดินแล้วเลิกไม่ใช้ที่ดิน หรือใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์อย่างอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯลฯ ต้องจำหน่ายที่ดินนั้นภายในเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด ฯลฯ ถ้ายังไม่จำหน่ายตามกำหนด พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจัดการขายทอดตลาด เงินที่ขายทอดตลาดนั้น เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว ให้คืนแก่เจ้าของที่ดิน แสดงว่ากฎหมายมุ่งประสงค์ไม่ให้ที่ดินคงตกอยู่ในมือของคนต่างด้าวผู้ไม่ได้รับอนุญาตให้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเท่านั้นพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ยกเลิกไปแล้วโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 4(13)(14)โดยมีประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติขึ้นใช้แทน มีความในมาตรา 94 ว่าบรรดาที่ดินที่คนต่างด้าวได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ได้รับอนุญาตให้คนต่างด้าวนั้นจัดการจำหน่ายภายในเวลาที่อธิบดีกำหนดให้ซึ่งไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันแต่ไม่เกินหนึ่งปี ถ้าไม่จำหน่ายที่ดินภายในเวลาที่กำหนดให้อธิบดีมีอำนาจจำหน่ายที่ดินนั้นและให้นำบทบัญญัติเรื่องการบังคับจำหน่ายที่ดินตามความในหมวด 3มาใช้บังคับโดยอนุโลมและมาตรา 96 บัญญัติว่า เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้มาซึ่งที่ดินแห่งใดในฐานะเป็นเจ้าของแทนคนต่างด้าวให้อธิบดีมีอำนาจทำการจำหน่ายที่ดินนั้น และให้นำบทบัญญัติมาตรา 94 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2493 มีบทบัญญัติเฉพาะกรณีที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้มีและใช้ที่ดินแล้วเลิกไม่ใช้ที่ดินนั้น หรือใช้ที่ดินเพื่อการอื่นโดยไม่รับอนุญาต หรืออนุญาตที่ได้รับใหม่ให้มีเนื้อที่น้อยกว่าเดิม ต้องจำหน่ายที่ดินภายในกำหนด มิฉะนั้นให้พนักงานเจ้าหน้าที่ขายทอดตลาดที่ดินนั้นได้แต่ไม่มีบทบัญญัติถึงกรณีที่คนต่างด้าวมีที่ดินโดยไม่รับอนุญาตตั้งแต่แรกโดยเฉพาะประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 94 และ 96 จึงบัญญัติเพิ่มเติมขึ้นให้บริบูรณ์ และใช้บังคับถึงที่ดินที่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486และ พ.ศ. 2493 นั้นด้วย เพราะมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 ยกเว้นไม่ใช้บังคับแก่ที่ดินที่คนต่างด้าวได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย ก่อนวันใช้พระราชบัญญัติและได้แสดงหลักฐานแห่งสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วเท่านั้นที่ดินที่คนต่างด้าวได้มานอกจากนั้นย่อมถือเป็นที่ดินที่คนต่างด้าวได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามความหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 94 ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่คนต่างด้าวได้มาก่อนหรือหลังวันใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ศาลฎีกาจึงเห็นว่า ถึงแม้คดีนี้จะมีข้ออ้างว่าที่ดินที่พิพาทกับบริษัทลูกหนี้ผู้ล้มละลายได้มาโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2493 ก็เป็นที่ดินที่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 94, 96 ที่ให้คนต่างด้าวจำหน่ายได้ ถ้าไม่จำหน่าย ก็ให้อธิบดีมีอำนาจจำหน่ายได้เมื่อที่ดินนั้นคนต่างด้าวจำหน่ายได้ตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้วโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ล้มละลาย ก็ย่อมจำหน่ายที่ดินนั้นในการบังคับคดีล้มละลายได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่า การโอนที่ดินมาเป็นของบริษัทลูกหนี้ตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113ดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแตกต่างกันมานั้นหรือไม่เพราะคดีไม่เป็นปัญหาถึงความสมบูรณ์ของนิติกรรมและหนี้ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายที่ดิน ทั้งเป็นคดีที่โจทก์มิได้มีคำขอให้โอนที่ดินไปเป็นของคนต่างด้าวซึ่งจะทำมิได้ แต่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายที่ดินนั้นเพื่อเอาเงินเข้าเป็นกองทรัพย์สินของผู้ล้มละลายได้ ไม่ว่ากรณีคนต่างด้าวได้ที่ดินมาจะเป็นโมฆะหรือไม่แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อโต้เถียงข้ออื่นของคู่ความ ศาลชั้นต้นชอบที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาใหม่ตามข้อกฎหมายข้างต้น ผลแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงและมีคำพิพากษาใหม่เป็นการชอบแล้ว พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.

Share