แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่ดินกับจำเลยซึ่งตกเป็นภาระจำยอมและถูกบังคับคดีในคดีนี้ เมื่อการบังคับคดีมีปัญหาอันเนื่องจากโจทก์และจำเลยแปลความคำพิพากษาแตกต่างกัน จำเลยและผู้ร้องเห็นว่าการบังคับคดีไม่ถูกต้องตามคำพิพากษา ทำให้จำเลยและผู้ร้องเสียหายผู้ร้องย่อมใช้สิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันทำทางพิพาทตามแนวเส้นสีน้ำตาลตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย จ.19 เฉพาะส่วนที่อยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 33998 ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้เป็นตามรูปแผนที่ดังกล่าว โดยให้ทางพิพาทมีความกว้าง 2.50 เมตร ตลอดแนวทาง
ระหว่างบังคับคดี จำเลยที่ 1 และผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 2 มีนาคม 2548 ว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยปักเสาไม้เป็นแนวเขตทางพิพาทนอกเส้นเขตเส้นสีน้ำตาลตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย จ.19 เข้ามาในแนวเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 มีความกว้าง 2.50 เมตร ซึ่งมิได้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ด้วยเหตุผลทางพิพาทตามแนวเส้นสีน้ำตาลมิได้อยู่ในแนวเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ทั้งหมด การปักหลักเขตดังกล่าวจึงเป็นการย้ายทางพิพาทล้ำเข้ามาในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ขอให้ดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันทำทางพิพาทตามแนวเส้นสีน้ำตาลตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย จ.19 เฉพาะส่วนที่อยู่ในแนวเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ให้เป็นไปตามรูปแผนที่ดังกล่าว โดยให้ทางพิพาทมีความกว้าง 2.50 เมตร ตลอดแนวทางนั้นหมายถึงแนวเส้นสีน้ำตาลด้านล่างซึ่งอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 โดยวัดจากแนวเส้นสีน้ำตาลด้านล่างให้ได้ความกว้าง 2.50 เมตร ตลอดแนวทาง ให้โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการรังวัดโดยยึดถือแนวเส้นสีน้ำตาลด้านล่างเป็นหลัก
จำเลยที่ 1 และผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นเฉพาะในส่วนที่สั่งรับคำร้องของผู้ร้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 และผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยข้อแรกตามฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านในคดีนี้หรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่ดินโฉนดที่ 33998 ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการบังคับคดีและคำสั่งของศาลชั้นต้น ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีนี้ เห็นว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่ดินซึ่งตกเป็นภาระจำยอมและถูกบังคับคดีในคดีนี้ เมื่อการบังคับคดีมีปัญหาอันเนื่องจากโจทก์และจำเลยแปลความคำพิพากษาแตกต่างกัน จำเลยและผู้ร้องเห็นว่าการบังคับคดีไม่ถูกต้องตามคำพิพากษา ทำให้จำเลยและผู้ร้องเสียหาย ผู้ร้องย่อมใช้สิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องข้อนี้ฟังขึ้น
ปัญหาวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และผู้ร้องว่าการบังคับคดีชอบด้วยคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ จำเลยที่ 1 และผู้ร้องฎีกาว่า ทางพิพาทอยู่ในระหว่างแนวเส้นสีน้ำตาลเส้นบนและเส้นล่าง ตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย จ.19 มิใช่นับจากเส้นสีน้ำตาลเป็นหลักเข้ามาในที่ดินของจำเลยที่ 1 เห็นว่า ตามคำพิพากษาศาลฎีการะบุว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันทำทางพิพาทตามแนวเส้นสีน้ำตาลตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย จ.19 เฉพาะส่วนที่อยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ให้เป็นไปตามรูปแผนที่ดังกล่าว โดยให้ทางพิพาทมีความกว้าง 2.50 เมตร ตลอดแนวทาง ด้วยผลของคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว ทางพิพาทต้องอยู่ตามแนวเส้นสีน้ำตาลมีความกว้างตลอดแนวทาง 2.50 เมตร และอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดถือเส้นสีดำอันเป็นเส้นอาณาเขตที่ดินด้านทิศเหนือของจำเลยที่ 1 เป็นหลักวัดให้ได้ความกว้าง 2.50 เมตร ลงมาตลอดแนวทางเส้นสีน้ำตาลในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย จ.19 จึงถูกต้องตามคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทมีความกว้าง 2.50 เมตร ตลอดเส้นแนวทางนั้น หมายถึงแนวเส้นสีน้ำตาลด้านล่างซึ่งอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 โดยวัดจากแนวเส้นสีน้ำตาลด้านล่างให้ได้ความกว้าง 2.50 เมตร ตลอดแนวทาง ให้โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการรังวัดโดยยึดถือแนวเส้นสีน้ำตาลด้านล่างเป็นหลัก และศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นเฉพาะในส่วนที่สั่งรับคำร้องของผู้ร้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า หากวัดจากแนวเส้นสีน้ำตาลด้านล่างลงมาทางทิศใต้ให้ได้ความกว้าง 2.50 เมตร ตลอดแนวทางไม่ถูกต้องตามคำพิพากษาศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 และผู้ร้องฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นคู่ความในชั้นบังคับคดีให้บังคับคดีโดยวัดจากเส้นสีดำ (เส้นอาณาเขตที่ดินด้านทิศเหนือของจำเลยที่ 1) เป็นหลักลงมาความกว้าง 2.50 เมตร ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ตลอดแนวทางตามแนวเส้นสีน้ำตาลตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย จ.19 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลเป็นพับ