คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3724/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้ประจักษ์พยานโจทก์จะเบิกความเพียงว่าคนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารช่วยกันลากร่างผู้ตายโยนลงไปในคลอง โดยมิได้ระบุชื่อว่าคนที่นั่งร่วมโต๊ะมีใครบ้าง มีจำเลยอยู่ด้วยหรือไม่ แต่โจทก์ก็มีพยานยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยกับพวกและผู้ตายนั่งดื่มสุราอยู่ที่โต๊ะเดียวกันและเหตุการณ์ก็มีอยู่ต่อเนื่องกันไปโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยหรือคนใดกลับไปก่อนหรือใครมาเพิ่มอีก และมีคำให้การชั้นสอบสวนของ น. ซึ่งไม่ได้ตัวมาเบิกความชั้นพิจารณาให้การว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดด้วย พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายนายเฉลิมมุ่งการดี จนนายเฉลิมหมดสติ แล้วได้ร่วมกันจับนายเฉลิมโยนลงไปในคลองเป็นเหตุให้นายเฉลิมถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามฟ้อง จำคุก 18 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าพยานหลักฐานโจทก์พอฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่นั้นโจทก์มีพยานคือนางสม ภักตร์เปี่ยม และนายสมชายหรือต้อย อมรรัตน์เบิกความถึงเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ นายสมชายหรืออ๊อด จงเจตต์ดีเบิกความถึงเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ และนายสมชายหรือต้อยร้อยตำรวจโทบุญส่ง จันทรีศรี กับร้อยตำรวจเอกธำรงค์ เทศฤทธิ์เบิกความเกี่ยวกับการจับกุมและการชี้ตัวจำเลย สำหรับนางสมและนายสมชายหรือต้อยนั้นต่างเบิกความยืนยันว่า วันเกิดเหตุนางสมตั้งโต๊ะขายอาหารอยู่ที่ริมคลองหลอดข้าง ศาลอาญาอันเป็นที่เกิดเหตุมีนายณรงค์หรือโย นายสมชายหรืออ๊อด นายหาญ จำเลยและผู้ตายนั่งกินอาหารและดื่มสุราที่โต๊ะอาหารของนางสม ผู้ตายได้เกิดปากเสียงกับนายณรงค์และนายสมชายหรืออ๊อด เหตุการณ์ตอนนี้จะเป็นจริงหรือไม่นั้น เห็นว่า ทั้งนางสมและนายสมชายหรือต้อยต่างเบิกความว่ารู้จักจำเลยมาก่อน ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันจึงไม่มีเหตุที่จะระแวงว่าจะให้การปรักปรำจำเลย การรู้เห็นก็เห็นอย่างใกล้ชิดและเป็นเวลานานจึงมีความแน่นอนและมั่นคง ประกอบกับนายสมชายหรืออ๊อดเบิกความว่า ได้นั่งกินอาหารและดื่มสุรากับชาย3-4 คน ที่ร้านนางสม คดีจึงฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุมีนายณรงค์หรือโย นายสมชายหรืออ๊อด นายหาญ จำเลย และผู้ตายนั่งกินอาหารและดื่มสุราที่โต๊ะอาหารของนางสม สำหรับเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุนั้นคงมีแต่นายสมชายหรืออ๊อดเบิกความว่าเห็นเหตุการณ์ ส่วนนางสมกับนายสมชายหรือต้อยต่างเบิกความว่าได้กลับไปบ้านแล้วไม่รู้เห็นสิ่งใด กับโจทก์ส่งอ้างคำให้การชั้นสอบสวนของนางน้อยศรีชัย โดยไม่ได้ตัวนางน้อยมาเบิกความต่อศาล ทั้ง ๆ ที่ได้ออกหมายจับและเลื่อนคดีมาหลายครั้ง สำหรับนายสมชายหรืออ๊อดเบิกความว่า หลังจากผู้ตายทะเลาะกับนายสมชายหรืออ๊อดแล้วมีคนพาผู้ตายกลับไปแต่ต่อมาผู้ตายกลับมาอีก ผู้ตายขอดื่มสุราจากนายสมชายหรืออ๊อด นายสมชายหรืออ๊อดไม่ให้แต่บอกว่าให้ไปซื้อมาดื่มเอง จึงเกิดปากเสียงกันขึ้นระหว่างผู้ตายกับนายสมชายหรืออ๊อดและคนอื่น ๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะและมีการชกต่อยกันขึ้นจนผู้ตายล้มลงไป แล้วนายสมชายหรืออ๊อดกับคนอื่น ๆ ที่โต๊ะนั้นช่วยกันลากร่างของผู้ตายโยนลงไปในคลองหลอด แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันหนีไป เช่นนี้ แม้นายสมชายหรืออ๊อดจะมิได้ระบุชื่อว่าคนที่นั่งดื่มสุราอยู่ที่โต๊ะเดียวกันมีใครบ้าง จำเลยจะอยู่ด้วยหรือไม่แต่คดีก็ฟังมาแล้วว่า ที่โต๊ะนี้มีนายณรงค์ นายสมชายหรืออ๊อดนายหาญจำเลยและผู้ตาย และเหตุการณ์ก็มีอยู่ต่อเนื่องกันไปโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยหรือคนใดกลับไปก่อน หรือใครมาเพิ่มอีก ดังนั้นที่นายสมชายหรืออ๊อดเบิกความว่า มีการชกต่อยกันก็ย่อมหมายความว่าคนที่อยู่ที่โต๊ะชกต่อยกับผู้ตาย และที่ว่าคนที่โต๊ะช่วยกันลากร่างผู้ตายโยนลงไปในคลองก็ย่อมหมายความว่าคนทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วที่อยู่ที่โต๊ะรวมทั้งจำเลยด้วยเป็นผู้กระทำร่วมกัน ซึ่งข้อนี้ก็ตรงกับคำให้การชั้นสอบสวนของนางน้อยด้วย การที่จำเลยถูกจับกุมก็ปรากฏจากคำเบิกความของนายสมชายหรือต้อยซึ่งมาเป็นพยานโจทก์และรู้จักจำเลย ชี้ให้จับโดยได้รับคำบอกเล่าจากนางน้อยว่าจำเลยเป็นคนร่วมกับคนอื่น ๆ กระทำผิดพยานหลักฐานโจทก์สอดคล้องต้องกันสมเหตุผลฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยได้ร่วมกับคนอื่น ๆฆ่าผู้ตายด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share