คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2466

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป้องกันเกินกว่าเหตุ วิธีพิจารณาอาญาข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาต้องถือตามศาล อุทธรณ์บกพร่องปัญหากฎหมาย

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความดังนี้ว่า “ในวันเกิดเหตุ ฯลฯ จำเลยนายหลอด นายอู๋พากันไปหา (ค้นหา)กระบือ จำเลยถือดาบ นายหลอดถือมีดซุย นายอู๋ถือไม้หวาย นายเชียวกี่ (ผู้ตาย) หาบของ (ผัก) เดินสวนทางมา หาบกระแทกถูกจำเลย ๆ พูดว่าเจ๊กไม่มีตาเอาหาบกระแทกเอาได้ ต่างเถียงกัน นายเชียวกี่วางหาบชักไม้คานเข้าตีจำเลย ๆ ฟันนายเชียวกี่ด้วยดาบถูกชายโครงขวาเท่านั้น จำเลยกับพยาน (นายหลอด นายอู๋) ก็พากันวิ่งหนีไป” จำเลยทำดังนี้ ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษวินิจฉัยว่า เปนการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ตามมาตรา ๕๐ ไม่มีผิด โจทย์ฎีกา มีใจความข้อเดียวว่า ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษวินิจฉัยมาดังนี้จะเปนป้องกันสมควรแก่เหตุ ตามมาตรา ๕๐ ฤาไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อนี้เปนปัญหากฎหมาย แลตัดสินว่า คดีต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ ยกขึ้นกล่าวไว้นั้น แต่ข้อเท็จจริงนั้นบกพร่อง ขาดข้อซึ่งจะต้องพิจารณาให้ได้ความอยู่หลายประการ เช่นนายเชียวกี่ตีจำเลยด้วยไม้คานขนาดเล็กโตเท่าใด ตีเบาฤาตีแรง ตีถูกจำเลยฤาไม่ จำเลยฟันนายเชียวกี่มีบาดแผลอย่างไร ศาลฎีกาตรวจในสำนวนได้ความแต่เพียงว่า ไม้คานเปนไม้จริงตีจำเลยไม่ถูก จำเลยเอามือรับไว้ จำเลยฟันนายเชียวกี่ด้วยดาบมีบาดแผลยาว ๗ นิ้วฟุน ซี่โครงขาด ๓ ซี่ นายเชียวกี่อยู่ได้ ๑๓ วันก็ตาย ฎีกาเห็นว่าจำเลยเอาดาบฟันเขาตายเปนน่าที่จำเลยต้องนำสืบว่า เหตุใดจึงไม่ควรลงโทษจำเลย เรื่องนี้จำเลยให้การปฏิเสธ ไม่ได้ให้การต่อสู้ทางป้องกันตัว แลข้อเท็จจริงไม่ได้ความเพียงพอว่า ได้ทำโดยจำเปนเพื่อป้องกันตัวให้พ้นภัยอันตราย แต่พอควรแก่เหตุอยู่หลายข้อ แลจำเลยวิ่งหนีเปนการแสดงพิรุธ จึงพิพากษาว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนา เพื่อป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๔๙ แล ๕๓ มีกำหนด ๓ ปี

Share